บีบีซี - ประธานาธิบดีหญิงแห่งเกาหลีใต้ เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของประเทศ หลังเกาหลีเหนือทำช็อกด้วยการสั่งประหารอาเขยผู้นำคิมจองอึน ชี้ต้องจับตาในสถานการณ์อันใกล้ชิดและมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการยั่วยุมาจากฝั่งโสมแดง
ก่อนหน้าการประชุม ทางประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ได้เตือนในตอนเช้าวันจันทร์ (16) ถึงความเป็นไปได้ที่อาจมีปฏิบัติการยั่วยุมาจากฝั่งเกาหลีเหนือและเรียกร้องให้เพิ่มการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน “พัฒนาการล่าสุดในเกาหลีเหนือ ทิศทางของสถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน” นางพัคกล่าว “เราไม่อาจตัดความเป็นไปใด้ของเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การยั่วยุอย่างไม่ยั้งคิด” พร้อมบอกว่าการประหารนายจาง ซองแต็ก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉุดภูมิภาคตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงและไม่สามารถคาดเดาได้
ทั้งนี้ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่าประธานาธิบดีหญิงรายได้เรียกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ด้านกิจการต่างประเทศ เข้าประชุมพิเศษ เพื่อหารือถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ
ความเคลื่อนไหวประหารชีวิต นายจาง ซองแต็ก ส่วนหนึ่งในแผนกระชับอำนาจของคิมจองอึน ประกอบกับการเรียกคณะนักธุรกิจเกาหลีเหนือกลับจากจีน จุดชนวนความกังวลว่า เปียงยาง อาจงัดปฏิบัติการทางทหารออกมาใช้ เพื่อสร้างความสมัครสมานสามัคคีในชาติ โดยมีเกาหลีใต้เป็นเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ลูซี วิลเลียมสัน ผู้สื่อข่าวของบีบีซีในกรุงโซล รายงานว่าอีกด้านหนึ่ง ทางเกาหลีเหนือ พยายามนำเสนอภาพของกิจธุระภายในประเทศที่ดำเนินไปอย่างปกติ หลังมีความกังวลจากภายนอกว่าการกำจัดนายจาง ซึ่งถือเป็นการล้างบางทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่คิม จองอึนก้าว ขึ้นสู่อำนาจ อาจก่อความไร้เสถียรภาพแม้แต่ในประเทศที่มีการควบคุมที่เข้มงวดที่สุดในโลกแห่งนี้
โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่งในเปียงยางบอกเมื่อวันอาทิตย์ (15 ) ว่าแผนเศรษฐกิจของประเทศจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีความวุ่นวายใดๆ ขณะเดียวกัน นายคิมจองอึน ก็ยังคงออกงานปรากฏตัวต่อสาธารณะตามปกติ ทั้งตรวจเยี่ยมสถาบันทางทหารและพื้นที่ก่อสร้างแห่งหนึ่ง
สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) แถลงในตอนเช้าวันศุกร์ (13) ว่าโสมแดงได้ประหารนายจาง ซองแต็ก อาเขยของผู้นำคิม จองอึนแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดี (12) ตามหลังการพิจารณาคดีในศาลทหารพิเศษ หลังจากเขาถูกกล่าวหาในคดีอาญาต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจและพยายามสร้างฐานอำนาจ
นายจาง ซึ่งเป็นสามีของนางคิม คยอง-ฮุย น้องสาวของคิม จองอิล ถูกมองในฐานะเครื่องมือสร้างความแข็งแกร่งทางอำนาจแก่คิม จองอึน ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนถ่ายอันเปราะบางตามหลังการเสียชีวิตของบิดา บ่อยครั้งมีการอ้างอิงเขาในฐานะผู้ปกครองหมายเลข 2 อย่างไม่เป็นทางการ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนถึงขั้นมองเขาในฐานะผู้กุมอำนาจทางการเมืองที่แท้จริง ซึ่งอยู่เบื้องหลังนายคิมจองอึนอีกที