นายวัฒนา ภัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขนส่งที่รับจ้างขนส่งวัตถุอันตราย และผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ทั่วประเทศทั้งสิ้น 4,101 ราย และมีจำนวนรถบรรทุกวัตถุอันตรายมากถึง 15,169 คัน
ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกได้มีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในการขนส่งวัตถุอันตรายมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องติดตั้งป้ายอักษร ภาพ และเครื่องหมาย บนรถที่บรรทุกวัตถุอันตรายทุกคน เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาการขนส่งสินค้าอันตรายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยล่าสุดได้กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุกวัตถุอันตราย ลักษณะ 4 รถลากจูง ลักษณะ 9 ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตามเครื่องบรรทุกข้อมูลการเดินทางของรถ หรือ GPS Trucking ตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดทุกคัน เพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแลพนักงานขับรถ ไม่ให้ขับรถเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการออกประกาศ โดยกำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตรายต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงให้มีมาตรฐาน และมีความสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศทางถนน ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของยุโรปแห่งสหประชาชาติ โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป
สำหรับรถเก่าที่จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับ ต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงให้เป็นไปตามประกาศนี้ ภายในวันที่ 12 มิถุนายน 2557
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายของประเทศให้สอดคล้องกับหลักสากล และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก ได้ลงพื้นที่สร้างความรู้แก่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทาง และรถบรรทุกส่วนบุคคล ผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนดว่าด้วยการขนส่งวัตถุอันตรายของกรมการขนส่งทางบก ให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งวัตถุอันตรายทั่วประเทศ
ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกได้มีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในการขนส่งวัตถุอันตรายมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องติดตั้งป้ายอักษร ภาพ และเครื่องหมาย บนรถที่บรรทุกวัตถุอันตรายทุกคน เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาการขนส่งสินค้าอันตรายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 โดยล่าสุดได้กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุกวัตถุอันตราย ลักษณะ 4 รถลากจูง ลักษณะ 9 ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตามเครื่องบรรทุกข้อมูลการเดินทางของรถ หรือ GPS Trucking ตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดทุกคัน เพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแลพนักงานขับรถ ไม่ให้ขับรถเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการออกประกาศ โดยกำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตรายต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงให้มีมาตรฐาน และมีความสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตรายระหว่างประเทศทางถนน ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของยุโรปแห่งสหประชาชาติ โดยจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป
สำหรับรถเก่าที่จดทะเบียนไว้ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลบังคับ ต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงให้เป็นไปตามประกาศนี้ ภายในวันที่ 12 มิถุนายน 2557
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายของประเทศให้สอดคล้องกับหลักสากล และลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก ได้ลงพื้นที่สร้างความรู้แก่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทาง และรถบรรทุกส่วนบุคคล ผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนดว่าด้วยการขนส่งวัตถุอันตรายของกรมการขนส่งทางบก ให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งวัตถุอันตรายทั่วประเทศ
