รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในวันพุธ (4 ธ.ค.) ที่กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนมังกรต้องวางอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ และมีความคิดในเชิงบวกเกี่ยวกับแรงจูงใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ทว่าผู้นำทั้งสองต่างไม่ได้เอ่ยอ้างใดๆ ถึงเรื่องเขตป้องกันภัยทางอากาศของจีน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรสนิทของอเมริกา
ภายหลังหารือกับ สี เป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากที่เดิมกำหนดไว้เพียงแค่ 45 นาที ไบเดนซึ่งดูมีท่าทางหม่นหมองและซึมเซา ได้กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวในเมืองหลวงของจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจสำคัญของโลก 2 รายนี้ จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างสำคัญต่อเส้นทางเดินของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถ้าหากสหรัฐฯกับจีนสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกต้องขึ้นมา ความเป็นไปได้ทั้งหลายก็เป็นสิ่งที่ไร้ข้อจำกัดทีเดียว
“โมเดลใหม่แห่งความร่วมมือประสานงานกันของประเทศใหญ่เช่นนี้ ถึงที่สุดแล้วจะต้องขึ้นอยู่กับความไว้วางใจและความคิดในเชิงบวกเกี่ยวกับแรงจูงใจของอีกฝ่ายหนึ่ง” ไบเดน บอก
เขากล่าวว่า เขาเดินทางมายังปักกิ่งก็เพราะความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันในระหว่างผู้นำในระดับสูง และบอกด้วยว่า ท่าทีวิธีการแบบตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ของ สี ทำให้เขามีความประทับใจต่อผู้นำจีนผู้นี้
“ความตรงไปตรงมาก่อให้เกิดความไว้วางใจ” ไบเดนกล่าว “ความไว้วางใจเป็นพื้นฐานสำหรับการทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เป็นความเปลี่ยนแปลงชนิดสร้างสรรค์”
“ในการพัฒนาความสัมพันธ์แบบใหม่นี้ คุณสมบัติทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่ง” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯบอก
ทางด้าน สี แถลงว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเริ่มต้นด้วยดีในปีนี้ และโดยทั่วไปยังคงสามารถประคับประคองโมเมนตัมแห่งการพัฒนาในเชิงบวกเอาไว้ได้ ทว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิทัศน์ของภูมิภาค “กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งและอย่างสลับซับซ้อน”
“ประเด็นปัญหาระดับภูมิภาคต่างๆ กำลังงอกเงยขึ้นมาเรื่อยๆ และก็มีความท้าทายต่างๆ ในระดับโลกแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน เป็นต้นว่า การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และความมั่นคงทางด้านพลังงาน โลกของเราเวลานี้ไม่ได้สุขสงบเลย” เขากล่าวต่อ และบอกว่า สหรัฐฯกับจีนมีความรับผิดชอบอันสำคัญในการธำรงรักษาสันติภาพเอาไว้ โดยที่ “การเพิ่มการสนทนาและความร่วมมือประสานกันงานให้เข้มแข็งขึ้นไปอีก คือทางเลือกที่ถูกต้องแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น ซึ่งกำลังเผชิญหน้าประเทศของเราทั้งสอง”
ภายหลังหารือกับ สี เป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากที่เดิมกำหนดไว้เพียงแค่ 45 นาที ไบเดนซึ่งดูมีท่าทางหม่นหมองและซึมเซา ได้กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าวในเมืองหลวงของจีนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจสำคัญของโลก 2 รายนี้ จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างสำคัญต่อเส้นทางเดินของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถ้าหากสหรัฐฯกับจีนสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ถูกต้องขึ้นมา ความเป็นไปได้ทั้งหลายก็เป็นสิ่งที่ไร้ข้อจำกัดทีเดียว
“โมเดลใหม่แห่งความร่วมมือประสานงานกันของประเทศใหญ่เช่นนี้ ถึงที่สุดแล้วจะต้องขึ้นอยู่กับความไว้วางใจและความคิดในเชิงบวกเกี่ยวกับแรงจูงใจของอีกฝ่ายหนึ่ง” ไบเดน บอก
เขากล่าวว่า เขาเดินทางมายังปักกิ่งก็เพราะความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันในระหว่างผู้นำในระดับสูง และบอกด้วยว่า ท่าทีวิธีการแบบตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ของ สี ทำให้เขามีความประทับใจต่อผู้นำจีนผู้นี้
“ความตรงไปตรงมาก่อให้เกิดความไว้วางใจ” ไบเดนกล่าว “ความไว้วางใจเป็นพื้นฐานสำหรับการทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เป็นความเปลี่ยนแปลงชนิดสร้างสรรค์”
“ในการพัฒนาความสัมพันธ์แบบใหม่นี้ คุณสมบัติทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่ง” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯบอก
ทางด้าน สี แถลงว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเริ่มต้นด้วยดีในปีนี้ และโดยทั่วไปยังคงสามารถประคับประคองโมเมนตัมแห่งการพัฒนาในเชิงบวกเอาไว้ได้ ทว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิทัศน์ของภูมิภาค “กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งและอย่างสลับซับซ้อน”
“ประเด็นปัญหาระดับภูมิภาคต่างๆ กำลังงอกเงยขึ้นมาเรื่อยๆ และก็มีความท้าทายต่างๆ ในระดับโลกแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน เป็นต้นว่า การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และความมั่นคงทางด้านพลังงาน โลกของเราเวลานี้ไม่ได้สุขสงบเลย” เขากล่าวต่อ และบอกว่า สหรัฐฯกับจีนมีความรับผิดชอบอันสำคัญในการธำรงรักษาสันติภาพเอาไว้ โดยที่ “การเพิ่มการสนทนาและความร่วมมือประสานกันงานให้เข้มแข็งขึ้นไปอีก คือทางเลือกที่ถูกต้องแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น ซึ่งกำลังเผชิญหน้าประเทศของเราทั้งสอง”