ศรีสะเกษ - กลุ่มธรรมยาตราฯ ยื่นหนังสือค้านปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จวกขัดขวางประชาชนพิทักษ์ปกป้องแผ่นดินไทย ตาม รธน. และรักษาสันติภาพชั่วคราวสร้างสันติภาพโลกถาวร อีกทั้งเป็นการสร้างสถานการณ์สงครามโดยไม่รู้ตัว ขณะนักท่องเที่ยวอดขึ้นชมผามออีแดง ชายแดนไทย-เขมร ต้องเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารไม่ยอมให้นักท่องเที่ยวผ่านขึ้นไปเที่ยวชมผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอนุญาตให้เพียงรถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเท่านั้นที่ขึ้นไปบนผามออีแดงได้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ หลายรายที่พาครอบครัวมาเที่ยวต้องพากันเดินทางย้อนกลับออกไปด้วยความผิดหวัง ทั้งนี้เนื่องจากอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้ถูกสั่งปิดตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนด
ต่อมาเวลา 14.30 น. นายสมาน ศรีงาม ประธานคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา และคณะ ได้เดินทางมาพบกับ นายจิณะ สามสี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ด่วนที่สุด ลงวันที่ 4 พ.ย. 2556 เรื่อง ขอให้อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยกเลิกคำสั่งปิดอุทยาน เพราะเป็นการสร้างสถานการณ์สงครามอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเป็นการขัดขวางประชาชนพิทักษ์ปกป้องแผ่นดินไทย และรักษาสันติภาพชั่วคราว สร้างสันติภาพโลกถาวร และเป็นการทำลายสิทธิของประชาชนในการเดินทางเข้าไปและใช้ประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
นายสมาน ศรีงาม ประธานคณะธรรมยาตราฯ กล่าวว่า ตามที่ นายศักดิ์สิทธิ์ พลทรัพย์ศิริ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 56 เป็นต้นไป โดยใช้เหตุผลว่าได้รับการประสานงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่าจะมีกลุ่มพลังมวลชนมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ในช่วงที่ศาลโลกจะมีการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 11 พ.ย.นี้ และเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงนั้น ตนและคณะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขวางไม่ให้ประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินได้ลุกขึ้นมาปกป้องผืนแผ่นดินไทยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกไม่ได้ และมาตรา 70 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมาตรา 71 บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบัติตามกฎหมายนี้
ดังนั้น ด้วยหลักการและเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนคนไทยทุกคนที่จะทำหน้าที่เข้าไปปกป้องพิทักษ์รักษาแผ่นดินไทย ซึ่งคำประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจึงตกเป็นโฆษะ ไม่มีผลบังคับอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นสิทธิและอำนาจอันถูกต้องสมบูรณ์ของประชาชนคนไทยที่จะเดินทางขึ้นไปพิทักษ์ปกป้องแผ่นดินไทยเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ได้ตลอดเวลา ใครหรือองค์กรใดจะขัดขวางประชาชนไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
และคำประกาศปิดดังกล่าวจะทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยง จะนำไปสู่การเกิดสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะทำให้เกิดความผิดปกติที่ประชาชนไม่สามารถเดินผ่านขึ้นไปท่องเที่ยวและใช้ประโยชน์ได้เป็นปกติธรรม และเหตุผลเพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงหรือทหารปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวก เพื่อรักษาความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ขึ้นไปท่องเที่ยวหรือใช้ประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งทำให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าใจผิดว่าฝ่ายไทยเตรียมทำสงคราม จึงไม่ให้ประชาชนพลเรือนไทยขึ้นไปตามปกติ และไม่ให้ประชาชนพลเรือนมือเปล่าขึ้นไปรักษาสันติภาพชั่วคราว และสร้างสันติภาพถาวรในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.
ดังนั้น การประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจึงเป็นการก่อสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง จึงขอให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารยกเลิกประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารตามปกติต่อไป
“ขณะนี้ทางฝ่ายกัมพูชาได้นำเอารถถังและปืนใหญ่เข้ามาประชิดเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหารเรียบร้อยแล้ว ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องลุกขึ้นมาช่วยกันปกป้องผืนแผ่นดินไทย ซึ่งพวกเราและกลุ่มเครือข่ายจะเดินเท้าจากบริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ขึ้นไปบริเวณเขาพระวิหารเพื่อทวงคืนเขาพระวิหาร ก่อนวันที่ 11 พ.ย. นี้” นายสมานกล่าว
ทางด้าน นายจิณะ สามสี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า ตนจะนำหนังสือข้อเรียกร้องที่ได้รับนี้ไปเสนอต่อหน่วยเหนือเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
