เวลา16.30 น .วานนี้ (12ก.ย.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผบ.ทบ. ) กล่าวภายหลังการเดินทางกลับจากการประชุมผู้บัญชาการทหารบกภูมิภาคแปซิฟิก ครั้งที่ 8 (Pacific Armies Chiefs Conference)ว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดคุย 3 ประเด็น คือ
1. ความเป็นเอกภาพในการบังคับบัญชาในการจัดกำลังรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่างๆ ของโลก หากเกิดความไม่สงบขึ้น
2. ความท้าทายในการปฏิบัติการของกองกำลังรักษาสันติภาพ โดยทุกหน่วยที่เข้าปฏิบัติการ ต้องเตรียมพร้อมในทุกมิติ
3.การดูแลกำลังพลที่เข้าปฏิบัติการรบในพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรง โดยเฉพาะที่ได้รับความบาดเจ็บ หรือเกิดบาดแผลในจิตใจ ซึ่งสิ่งที่ได้พูดคุยมีสาระพอสมควร เราก็จะได้นำมาประยุกต์ปรับใช้กับประเทศไทย กำลังพลของเราที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เขาอาจไม่สบายใจ เราก็ต้องดูแล โดยมอบให้กรมแพทย์ทหารบก จัดแพทย์ และเปิดคอร์สเพื่อดูแลเรื่องนี้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าได้เสนอว่า นอกจากต้องดูแลทหารแล้วต้องไปดูแลประชาชนในพื้นที่ด้วย เพื่อลดบาดแผลในใจที่เกิดจากความรุนแรงตรงนั้น ทั้งนี้ ได้เรียนในที่ประชุม ถึงการเตรียมกำลังพลให้พร้อม ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงกำลังพลที่ปฏิบัติงานตามชายแดนรอบประเทศ กับจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว โดยก่อนเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ได้มีการฝึกทบทวนอย่างหนัก 6 เดือน และเตรียมพร้อมเรื่องอื่นๆ ข้อสำคัญคือ เราเน้นดูแลประชาชนในพื้นที่เรามาก เพราะต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ผู้นำทางทหารที่เข้าร่วมประชุมยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นความสำคัญตรงนี้มากนัก แต่ไปให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของกำลังพลเท่านั้น
“ผมได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่เราทำงานและประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ มีความก้าวหน้า เพราะดินแดนยังเป็นของไทยอยู่ทุกประการ ที่สำคัญคือ เราได้บอกกับที่ประชุม ซึ่งมีตัวแทนผู้บัญชาการ 29 ประเทศว่า เรานำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าไป โดยคำนึงถึงประเพณี ประชาชน อัตลักษณ์ เข้าใจในปัญหาหลัก และรอง รวมถึงเข้าถึงปัญหาเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยการพัฒนาทั้งระบบ ทั้งการพัฒนาจากประชาชนในพื้นที่ และการพัฒนาจากข้างนอก ที่รัฐให้การสนับสนุนบริหารในภาพรวม อีกเรื่องคือการช่วยเหลือประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนไว้ว่า การช่วยคนอย่าไปให้ปลาเขา แต่ต้องสอนให้คนหาปลา เวลาเราไม่อยู่ เขาจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วงแรกอาจแจกก่อน แต่สถานการณ์ดีขึ้นเราก็ต้องสอนเขา เหมือนที่เราส่งทหารไปซูดาน หรือ ติมอร์ตะวันออก ทุกประเทศพอใจ”ผบ.ทบ. ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศรอบบ้านจะต้องช่วยกัน เราอย่าไปสร้างศัตรูกัน และไม่มีใครอยากทะเลาะกัน ตอนนี้มีหลายประเทศมีความเป็นห่วงประเทศไทยทุกเรื่อง ตนก็สู้เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศไทย ได้บอกผู้นำทางทหารทุกประเทศว่า ไม่ต้องกังวล ประเทศไทย คือประเทศไทย ไม่เหมือนประเทศอื่น ทุกคนอย่าห่วง เพราะเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทุกประเทศชื่นชมในพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนบางคนถึงไม่อยากมี ประเทศอื่นอยากมีพระมหากษัตริย์แบบเรา แต่ไม่มี ฉะนั้นเราอย่าเอาอะไรมาเกี่ยวพันกันหมดทั้งสถาบัน การเมือง ทหาร สถาบันนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม หากนำมาตีกันไปหมด แล้วจะอยู่กันอย่างไร”ผบ.ทบ. กล่าว
1. ความเป็นเอกภาพในการบังคับบัญชาในการจัดกำลังรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่างๆ ของโลก หากเกิดความไม่สงบขึ้น
2. ความท้าทายในการปฏิบัติการของกองกำลังรักษาสันติภาพ โดยทุกหน่วยที่เข้าปฏิบัติการ ต้องเตรียมพร้อมในทุกมิติ
3.การดูแลกำลังพลที่เข้าปฏิบัติการรบในพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรง โดยเฉพาะที่ได้รับความบาดเจ็บ หรือเกิดบาดแผลในจิตใจ ซึ่งสิ่งที่ได้พูดคุยมีสาระพอสมควร เราก็จะได้นำมาประยุกต์ปรับใช้กับประเทศไทย กำลังพลของเราที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เขาอาจไม่สบายใจ เราก็ต้องดูแล โดยมอบให้กรมแพทย์ทหารบก จัดแพทย์ และเปิดคอร์สเพื่อดูแลเรื่องนี้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าได้เสนอว่า นอกจากต้องดูแลทหารแล้วต้องไปดูแลประชาชนในพื้นที่ด้วย เพื่อลดบาดแผลในใจที่เกิดจากความรุนแรงตรงนั้น ทั้งนี้ ได้เรียนในที่ประชุม ถึงการเตรียมกำลังพลให้พร้อม ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วงกำลังพลที่ปฏิบัติงานตามชายแดนรอบประเทศ กับจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว โดยก่อนเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ได้มีการฝึกทบทวนอย่างหนัก 6 เดือน และเตรียมพร้อมเรื่องอื่นๆ ข้อสำคัญคือ เราเน้นดูแลประชาชนในพื้นที่เรามาก เพราะต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ผู้นำทางทหารที่เข้าร่วมประชุมยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่ได้เน้นความสำคัญตรงนี้มากนัก แต่ไปให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของกำลังพลเท่านั้น
“ผมได้กล่าวในที่ประชุมว่า ที่เราทำงานและประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ มีความก้าวหน้า เพราะดินแดนยังเป็นของไทยอยู่ทุกประการ ที่สำคัญคือ เราได้บอกกับที่ประชุม ซึ่งมีตัวแทนผู้บัญชาการ 29 ประเทศว่า เรานำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าไป โดยคำนึงถึงประเพณี ประชาชน อัตลักษณ์ เข้าใจในปัญหาหลัก และรอง รวมถึงเข้าถึงปัญหาเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยการพัฒนาทั้งระบบ ทั้งการพัฒนาจากประชาชนในพื้นที่ และการพัฒนาจากข้างนอก ที่รัฐให้การสนับสนุนบริหารในภาพรวม อีกเรื่องคือการช่วยเหลือประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนไว้ว่า การช่วยคนอย่าไปให้ปลาเขา แต่ต้องสอนให้คนหาปลา เวลาเราไม่อยู่ เขาจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วงแรกอาจแจกก่อน แต่สถานการณ์ดีขึ้นเราก็ต้องสอนเขา เหมือนที่เราส่งทหารไปซูดาน หรือ ติมอร์ตะวันออก ทุกประเทศพอใจ”ผบ.ทบ. ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศรอบบ้านจะต้องช่วยกัน เราอย่าไปสร้างศัตรูกัน และไม่มีใครอยากทะเลาะกัน ตอนนี้มีหลายประเทศมีความเป็นห่วงประเทศไทยทุกเรื่อง ตนก็สู้เพื่อศักดิ์ศรีของประเทศไทย ได้บอกผู้นำทางทหารทุกประเทศว่า ไม่ต้องกังวล ประเทศไทย คือประเทศไทย ไม่เหมือนประเทศอื่น ทุกคนอย่าห่วง เพราะเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทุกประเทศชื่นชมในพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนบางคนถึงไม่อยากมี ประเทศอื่นอยากมีพระมหากษัตริย์แบบเรา แต่ไม่มี ฉะนั้นเราอย่าเอาอะไรมาเกี่ยวพันกันหมดทั้งสถาบัน การเมือง ทหาร สถาบันนิติบัญญัติ กระบวนการยุติธรรม หากนำมาตีกันไปหมด แล้วจะอยู่กันอย่างไร”ผบ.ทบ. กล่าว
