รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างมือปืนผู้ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐแอฟริกากลางกับอดีตกลุ่มกบฏที่ขับไล่เขา ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 73 รายแล้ว ภายหลังการการต่อสู้ในวันจันทร์ (9) ตามคำบอกเล่าของพลเมืองและคำกล่าวจากรัฐบาล รวมถึงกองกำลังรักษาสันติภาพ
โฆษกรัฐบาลกล่าวโทษกองกำลังผู้ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โบซิเซ ผู้กำลังพยายามที่จะหวนคืนสู่อำนาจ โดยเหตุปะทะกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่เขตบอสซังกัว ในภูมิภาคบ้านเกิดของโบซิเซ ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางเหนือราว 300 กิโลเมตร
ชาวบ้านในเมืองบูกา เมืองที่อยู่ห่างจากเขตบอสซังกัวไปทางตะวันออกราว 100 กิโลเมตร เล่าว่า การต่อสู้ปะทุขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธที่ภักดีต่ออดีตผู้นำบุกโจมตีเมืองบูกาและแคมป์ของอดีตกลุ่มกบฎ
การต่อสู้มีขึ้นหลังจากคำเตือนของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่ว่าประเทศนี้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการล่มสลาย โดยอดีตประเทศในอาณานิคมของฝรั่งเศสได้ถดถอยเข้าสู่ความโกลาหล นับแต่กลุ่มกบฎทางตอนเหนือเข้ายึดกรุงบังกี เมืองหลวงของประเทศในเดือนมีนาคม ในขณะนั้นโบซิเซได้รับการคุ้มกันจากกองทัพของเพื่อนบ้านอย่างแอฟริกาใต้ที่นำกำลังเข้ามา
บรรดาหน่วยงานของยูเอ็นและองค์กรเอกชน (เอ็นจีโอ) รวมถึงพลเมืองทั้งหลายต่างกล่าวโทษอดีตกองกำลังกบฎ ฐานที่ทำให้เกิดการฆาตกรรมและการทารุณที่ตามมาหลายระลอก
โบซิเซ ซึ่งลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างแคเมอรูน ได้บอกต่อสื่อของเมืองน้ำหอมในปารีสเมื่อเดือนที่แล้วนี้ว่า เขายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะหวนคือสู่ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ฟรองซัวส์ โบซิเซ วัย 66 ปี ก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะประธานาธิบดีของแอฟริกากลาง เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2003 ก่อนถูกขับออกจากอำนาจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา