ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.ขอรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการชุมนุม สำหรับ 15.00 น.ขณะนี้มีประชาชนผู้ชุมนุม พยายามที่จะฝ่าฝืนฐานแนวที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้ในเขตหวงห้ามอยู่ 3 จุดด้วยกันคือ บริเวณที่แยก พล.1 และก็แยกการเรือน และสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่หลังแนวปักหลักคุ้มกันสถานที่สำคัญๆ ของราชการอยู่อย่างต่อเนื่อง มิได้ออกมาล้ำแนวที่กั้นไว้สำหรับข้าราชการตำรวจแต่อย่างใด
ศอ.รส.ขอรายงานสถานการณ์ความเป็นจริงให้รับทราบถึงขั้นตอนปฏิบัติการใช้กำลัง ณ จุดที่เป็นปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะประกอบด้วย บริเวณแยกกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ บริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณแยกการเรือน หรือจุดอื่นๆ ทั้งหมดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยังคงปฏิบัติหน้าที่ภายในแนวที่ได้แจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมตลอดเวลา ไม่มีจุดใดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาพ้นแนวที่กั้นไว้ เพราะฉะนั้นการกระทบกระทั่งกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน กับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เกิดขึ้นภายในแนวที่ผู้ชุมนุมได้บุกรุกเข้ามาโดยตลอดในทุกพื้นที่ สำหรับ ศอ.รส.ได้ย้ำ และกำหนดแนวทางในการใช้กำลัง ซึ่งปรากฏตามคำสั่งปฏิบัติการของ ศอ.รส. และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนาย ยึดถือปฏิบัติ ผมขออนุญาตสรุปโดยย่อดังนี้
ข้อแรกยึดหลักถึงความจำเป็น โดยให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าจนไม่สามารถหลีกเลี่ยง และต้องใช้กำลังที่เบาที่สุดไปก่อน ข้อต่อมาหลักแห่งความได้สัดส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเลือกใช้วิธีการ หรือกำลังที่เหมาะสม สอดคล้องกับภัยอันตรายที่คุกคาม เพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง หรือผู้อื่น ผมยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่มีการบุกรุกล้ำแนวเข้ามา ณ จุดใดจุดหนึ่ง ถ้ามีการเริ่มจากรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่จะเริ่มจากมาตรการที่เบาที่สุดก่อนคือ แจ้งเตือนด้วยเครื่องเสียงให้หยุดการกระทำ พร้อมกับยกป้ายเป็นข้อความเผื่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่รุกล้ำเข้ามา จะอ้างว่าไม่ได้ยินเสียง ก็ยังมีป้ายข้อความว่า ขณะนี้คุณกำลังบุกรุกเข้ามาในจุดพื้นที่ที่ประกาศไว้ เมื่อบุกรุกเข้ามาใกล้ หรือปีนข้ามจุดแนวกั้นรั้วลวดหนาม หรือทำลายแท่งปูน ก็จะมีป้ายเขตแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่อไปที่มีความหนักเพิ่มขึ้น เช่นจุดนี้เป็นจุดของการใช้น้ำ หรือขั้นตอนที่เป็นขั้นตอนใช้แก๊สน้ำตา ก็จะมีการแจ้งเตือนทุกครั้ง และให้เวลาพอสมควรที่จะล่าถอยไปนี่คือตัวอย่างกรณีสำหรับการได้สัดส่วน
ประการที่ 3 หลักของความถูกต้องตามกฎหมาย ทุกๆ ขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกจุด ยึดหลักกฎหมายอย่างชัดเจน ยึดหลักมาตรการสากล ผมยกตัวอย่างเช่น ไม่มีจุดใดในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กล้ารุกล้ำเข้าไปในการชุมนุมของผู้ชุมนุม ทุกพื้นที่ทุกกรณีนั้นเป็นการก้าวล้ำ หรือทำลายเครื่องกีดขวางของเจ้าหน้าที่ เข้าไปเพื่อที่จะยึดสถานที่ต่างๆ ทั้งสิ้น และหลักที่ 4 คือหลักแห่งความรับผิดชอบ การสั่งการในการใช้กำลัง ณ แต่ละอย่าง ไม่ว่าการโชว์กำลังเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าการสั่งให้หยุดการสั่งให้ถอย หรือการสั่งใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนทุกชนิด จะมีผู้บัญชาการที่มีความรับผิดชอบในการสั่งการที่เรียกว่ารับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ในการใช้กำลังตามกรอบความรุนแรงของผู้ชุมนุมนั้น จะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ 1.ถ้ากรณีผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ มีการชุมนุมตามสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมแสดงกำลัง และเจรจาให้ข้อมูลข่าวสาร หรือแนะนำ ผมยกตัวอย่าง ขณะนี้การชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้ เป็นการชุมนุมโดยกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมโดยการปิดถนน แต่ก็ไม่รุกล้ำสถานที่ราชการ ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทำอะไร เห็นไหมครับ นี่คือหลักข้อที่ 1 เมื่อชุมนุมโดยสงบ มีการอภิปรายก็ว่ากันไป
อันที่ 2.ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย แต่ยังไม่มีพฤติการณ์ที่ก้าวร้าว หรือก่อให้เกิด หรือเช่นการกระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่นก้าวล้ำบนถนน ลงบนถนน เจ้าหน้าที่อยากให้มีการเจรจา เราจะเห็นว่า กรณีตัวอย่างหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติชัดเจน จะมีเจ้าหน้าที่คอยเจรจาว่า ให้อย่าปิดบนถนน อย่าเข้าใกล้ตรงจุดนี้ อย่าใช้กำลังรบกวนสถานพยาบาล เป็นหลักสัดส่วนต่างๆ
ข้อต่อมาถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมร่วมก่อเหตุ หรือก่อความวุ่นวาย หรือการเข้ารุกล้ำในสถานที่ราชการ หรือพื้นที่ประกาศความมั่นคงฯ ไว้ ก็จะพิจารณาใช้กำลัง หรือใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามเหมาะสม เช่นด้วยจับภาพบนจอทีวี ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะบริเวณแยก พล.1 รักษาพระองค์ ไม่ว่าจะบริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐไม่ว่าจะเป็นที่แยกการเรือน แยกขัตติยานี หรือจะบริเวณอื่นก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอน การใช้กำลังที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ชุมนุม เริ่มจากเรื่องการใช้แก๊สน้ำตา การใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง การใช้กำลังผลักดัน การใช้กำลังโล่ การใช้น้ำฉีดแรงดันสูง ไปจนถึงการใช้กระสุนยางๆ ต่างๆ เหล่านั้น จะมีขั้นตอนกำหนดอย่างชัดเจน ควรใช้กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ อธิบายให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่อยู่ที่บ้านรับทราบ ภาพที่ปรากฏบนจอทีวีทุกช่อง เป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่รักษาแนวของตัวเอง ไม่ได้มีจุดไหนที่ล่วงล้ำออกจากแนวของตัวเองเลย จุดไหนที่มีการชุมนุมโดยสงบ
ยกตัวอย่างเช่นขณะนี้ มีการชุมนุมที่ศูนย์ราชการ มีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ใช้กำลังกดดันแต่อย่างใดก็เป็นการอำนวยความสะดวก รักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นการเจรจาขอคืนพื้นที่เป็นระยะ แต่ ณ จุดใดมีการก้าวล้ำเข้ามา การใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามลำดับขั้นก็มีเหตุผล ผมว่าขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความอดทนมาตลอดเวลา 1 เดือนเศษ และวันนี้ก็ยังใช้รูปแบบเดิม ในการทำงานตามมาตรฐานสากล ขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ทางบ้าน ที่ติดตามข่าวสารต่างๆ เพิ่ม กรุณาตรวจสอบจากแหล่งทุกแหล่ง เพื่อความชัดเจน ถ้าท่านตรวจสอบข้อมูลเพียงแหล่งเดียว อาจจะได้ข้อมูลไม่ชัด
ผมย้ำอีกครั้งนะครับว่า เหตุการณ์ที่มีการผลักดัน การใช้น้ำ การใช้แก๊สน้ำตา หรือสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนแนวเข้ามา บางจุดเรามีภาพพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า นอกจากจะใช้รถบรรทุกผู้ต้องหาจำนวน 2 คัน ที่ยึดจากเจ้าหน้าที่เมื่อคืน คือบริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐ ให้ชนแนวกั้น หรือบริเวณแยก พล.1 มีการใช้รถขนขยะเข้าพุ่งชนแนวกั้น และจะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างๆ เหล่านั้นเป็นภัยอันตรายที่ใกล้อันตรายที่ใกล้ตัวเจ้าหน้าที่ถึงต้องมีการใช้แก๊สน้ำตา หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนข้อมูลที่มีการปรากฏว่า มีการใช้กระสุนจริงต่างๆ นั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนไม่มีการพกอาวุธ หรือใช้อย่างอื่น มีการใช้อุปกรณ์ประจำกาย คือ โล่ และกระบอง ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาอื่นๆ นั้น จะเป็นผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงเท่านั้น เมื่อกี้ที่มีภาพปรากฏอยู่ในทีวีสาธารณะบางอย่างที่ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.เศษ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เจ้าหน้าที่ภาคสนาม ก็ถ่ายภาพให้เห็นชัดเจน มีการพบชายยิงปืนขึ้นฟ้า อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ณ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ใกล้ได้เข้าไปก้มลงทำร้าย ชายดังกล่าวก็วิ่งหนีไป ผมถามว่า การใช้อาวุธปืนตรงนั้นอยู่ในแนวเขตไหน ภาพปรากฏชัด
ในกรณีต่อมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการจับกุมผู้ที่ได้มีอาวุธอยู่ ก็อยู่ในจุดผู้ชุมนุมต่างๆ ด้วยการทั้งสิ้น สำหรับการตรวจสอบผู้อ้างว่า ถูกกระสุนยางได้รับบาดเจ็บ จากบนเวที และบอกว่าตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบจากโรงพยาบาลหัวเฉียวแล้ว ไม่เป็นความจริง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากแก๊สน้ำตาจำนวน 8 คน ขณะนี้รักษาอาการเบื้องต้น เช่น แสบตา หรือฟกช้ำต่างๆ เล็กน้อย นี่คือการยกตัวอย่าง รวมทั้งกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้สีผสมเข้าไปในน้ำ หรือแก๊สน้ำตา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในการพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่รุกล้ำเข้าไปในเขตหวงห้าม ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่รุกล้ำเข้าไป จะไม่มีโอกาสที่โดนน้ำ หรือแก๊สน้ำตาเป็นอันขาด
ดังนั้นการใส่สีธรรมชาติ ที่มีการกล่าวอ้างจากแหล่งต่างๆ บอกว่า เป็นแก๊สพิษต่างๆ นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการแยกแยะระหว่างผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรง กับผู้ชุมนุมที่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยเฉพาะไม่ได้กล่าวก้าวล้ำอะไรนะครับ นี่เป็นหลักการสากลที่ทั่วประเทศในโลกใช้กันทั้งหมด เพราะฉะนั้นขอยืนยัน ณ ทุกกรณีว่า ขั้นตอนการปฏิบัติทุกจุดในขณะนี้ ภาพปรากฏต่อสื่อมวลชนทุกอย่างนั้น เป็นภาพที่มีความจริง ซึ่งเราสามารถยืนยันได้ รวมทั้งคนเจ็บต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องสื่อมวลชน หรือพี่น้องประชาชนพบเห็นว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเหตุอื่น ไม่ว่าจะอ้างว่า เป็นกระสุนยางอะไรแล้วแต่นั้น กรุณาแจ้งเราครับ อยู่ ที่โรงพยาบาลไหน อยู่ที่จุดไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนของแต่ละสถานีจะได้ไปตรวจสอบ และชี้แจงความจริงต่อพี่น้องประชาชนต่อไปครับ
อัญชุลี - ก็อยากจะขอร้อง และขอความร่วมมือกับผู้ชุมนุมทุกท่านนะคะว่า อย่าได้พยายาม หรือก้าวล้ำเข้ามาในเขตแนวกั้นแบริเออร์ เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจะรักษาพื้นที่อยู่หลังแนวกั้นแบริเออร์เท่านั้น โดยปราศจากอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ มีเพียงโล่ และกระบองยางเท่านั้น มิได้มีอาวุธอย่างอื่นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากผู้ชุมนุม ชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ อยู่นอกแนวเขตที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่หวงห้ามนั้นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา หรือว่าได้ให้เกิดการปะทะแต่อย่างใด
ณ ขณะนี้มีรายงานจำนวนประชาชน หรือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ จากการใช้แก๊สน้ำตาจากเมื่อวานจนถึงวันนี้ เบื้องต้นข้อมูลจากศูนย์เอราวัณก็คือ ยังไม่มีประชาชน หรือผู้ชุมนุมท่านใดที่ได้รับอันตราย หรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ไม่มีเลย มีเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ระคายเคืองจากการใช้แก๊สน้ำตา
เบื้องต้นเมื่อวานนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 58 ราย สำหรับวันนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลอยู่ค่ะ ซึ่งความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและ ศอ.รส.ไม่ได้มีความปรารถนา ไม่ได้ต้องการที่จะเห็นภาพพี่น้องบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือว่า อย่าได้ก้าวเข้ามา อย่าพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาหลังเขตแนวแบริเออร์เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
วิชญ์ชยากร - ทาง ศอ.รส.เรายืนยันต่อพี่น้องประชาชน ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ เรายังได้รับคำสั่งให้ตั้งรับอยู่ในที่ตั้ง ป้องกันสถานที่ราชการสำคัญ ตามภารกิจหลักของเราไม่ให้มีการเข้าล้ำเข้าไปได้ และข้อมูลข่าวสารตอนนี้เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากมายหลายประการ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงยิงมาบริเวณแถววัดโสมนัส ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนของ สน.นางเลิ้ง ได้ไปตรวจสอบพื้นที่ และพบว่า ตรงนั้นไม่มีกองร้อยควบคุมฝูงชนอยู่บริเวณวัดโสมนัสมีเพียงเสียงที่ดังขึ้นเกิดจากประทัดยักษ์ ที่มีการยิงจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ ตามที่ท่านโฆษกบอก กระสุนยางตอนนี้เรายังไม่มีการใช้ และอาการบาดเจ็บเล็กน้อยยังเป็นขั้นตอนขั้นต้นของตำรวจควบคุมฝูงชน เพื่อที่จะระงับยับยั้งไม่ให้มีเหตุเผชิญหน้า หรือว่าเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ดังนั้น ศอ.รส.จึงวิงวอน ขอเตือนพี่น้องประชาชนตอนนี้โปรดรับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ด้วยความมีสติ และโปรดรับข้อมูลข่าวสารอยู่ที่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน
ปิยะ- สรุปอีกครั้งนะครับ ล่าสุดข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องประทับบ่ายิงคล้ายอาวุธปืนนั้น ความจริงคือสิ่งที่ได้แสดงต่อพี่น้องประชาชน ก่อนที่มีการชุมนุม ณ บริเวณ ไม่ว่าจะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง หรือแยกมัฆวานฯ นั่นคือเครื่องยิงแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่ใช้หลังจากที่ขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าการเจรจา หรือใช้เครื่องเปล่งเสียงต่างๆ การใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตานั้น เพื่อรักษาระยะห่างของกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อเจ้าหน้าที่ ผบ.เหตุการณ์ ณ พื้นที่เห็นว่า ถ้าขืนยังเข้าใกล้เกินกว่าเพื่อความปลอดภัยแล้ว จึงต้องใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตายิงเข้าไป ส่วนพื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่ห้าม และไม่สะดวก หรือไม่ปลอดภัยต่อผู้ชุมนุม ผบ.เหตุการณ์ ณ จุดนั้น จะใช้แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง รวมทั้งที่ในขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เอาพัดลมขนาดใหญ่มาเป่า ใส่เจ้าหน้าที่ต่างๆ ดังนั้นการขว้างแก๊สน้ำตานั้น อาจจะเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำไป เครื่องยิงกระสุน หมายถึงเครื่องยิงแก๊สน้ำตาดังกล่าวนั้น ก็เป็นการควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากล ซึ่งใช้กันอยู่ทั่วโลก และเจ้าหน้าที่ได้แสดงให้เห็นว่า ลักษณะอุปกรณ์ดังกล่าวคือ อุปกรณ์ใช้ในการใช้แก๊สน้ำตา ศอ.รส.ขออนุญาตสรุปสถานการณ์ และความจริงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบในห้วงเวลาดังกล่าว สวัสดีครับ
ศอ.รส.ขอรายงานสถานการณ์ความเป็นจริงให้รับทราบถึงขั้นตอนปฏิบัติการใช้กำลัง ณ จุดที่เป็นปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะประกอบด้วย บริเวณแยกกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ บริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐ บริเวณแยกการเรือน หรือจุดอื่นๆ ทั้งหมดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยังคงปฏิบัติหน้าที่ภายในแนวที่ได้แจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมตลอดเวลา ไม่มีจุดใดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาพ้นแนวที่กั้นไว้ เพราะฉะนั้นการกระทบกระทั่งกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน กับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เกิดขึ้นภายในแนวที่ผู้ชุมนุมได้บุกรุกเข้ามาโดยตลอดในทุกพื้นที่ สำหรับ ศอ.รส.ได้ย้ำ และกำหนดแนวทางในการใช้กำลัง ซึ่งปรากฏตามคำสั่งปฏิบัติการของ ศอ.รส. และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนาย ยึดถือปฏิบัติ ผมขออนุญาตสรุปโดยย่อดังนี้
ข้อแรกยึดหลักถึงความจำเป็น โดยให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าจนไม่สามารถหลีกเลี่ยง และต้องใช้กำลังที่เบาที่สุดไปก่อน ข้อต่อมาหลักแห่งความได้สัดส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเลือกใช้วิธีการ หรือกำลังที่เหมาะสม สอดคล้องกับภัยอันตรายที่คุกคาม เพื่อป้องกันสิทธิของตนเอง หรือผู้อื่น ผมยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่มีการบุกรุกล้ำแนวเข้ามา ณ จุดใดจุดหนึ่ง ถ้ามีการเริ่มจากรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่จะเริ่มจากมาตรการที่เบาที่สุดก่อนคือ แจ้งเตือนด้วยเครื่องเสียงให้หยุดการกระทำ พร้อมกับยกป้ายเป็นข้อความเผื่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่รุกล้ำเข้ามา จะอ้างว่าไม่ได้ยินเสียง ก็ยังมีป้ายข้อความว่า ขณะนี้คุณกำลังบุกรุกเข้ามาในจุดพื้นที่ที่ประกาศไว้ เมื่อบุกรุกเข้ามาใกล้ หรือปีนข้ามจุดแนวกั้นรั้วลวดหนาม หรือทำลายแท่งปูน ก็จะมีป้ายเขตแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่อไปที่มีความหนักเพิ่มขึ้น เช่นจุดนี้เป็นจุดของการใช้น้ำ หรือขั้นตอนที่เป็นขั้นตอนใช้แก๊สน้ำตา ก็จะมีการแจ้งเตือนทุกครั้ง และให้เวลาพอสมควรที่จะล่าถอยไปนี่คือตัวอย่างกรณีสำหรับการได้สัดส่วน
ประการที่ 3 หลักของความถูกต้องตามกฎหมาย ทุกๆ ขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกจุด ยึดหลักกฎหมายอย่างชัดเจน ยึดหลักมาตรการสากล ผมยกตัวอย่างเช่น ไม่มีจุดใดในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กล้ารุกล้ำเข้าไปในการชุมนุมของผู้ชุมนุม ทุกพื้นที่ทุกกรณีนั้นเป็นการก้าวล้ำ หรือทำลายเครื่องกีดขวางของเจ้าหน้าที่ เข้าไปเพื่อที่จะยึดสถานที่ต่างๆ ทั้งสิ้น และหลักที่ 4 คือหลักแห่งความรับผิดชอบ การสั่งการในการใช้กำลัง ณ แต่ละอย่าง ไม่ว่าการโชว์กำลังเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าการสั่งให้หยุดการสั่งให้ถอย หรือการสั่งใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนทุกชนิด จะมีผู้บัญชาการที่มีความรับผิดชอบในการสั่งการที่เรียกว่ารับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม ในการใช้กำลังตามกรอบความรุนแรงของผู้ชุมนุมนั้น จะต้องคำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ 1.ถ้ากรณีผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ มีการชุมนุมตามสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ก็จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมแสดงกำลัง และเจรจาให้ข้อมูลข่าวสาร หรือแนะนำ ผมยกตัวอย่าง ขณะนี้การชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติขณะนี้ เป็นการชุมนุมโดยกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมโดยการปิดถนน แต่ก็ไม่รุกล้ำสถานที่ราชการ ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ทำอะไร เห็นไหมครับ นี่คือหลักข้อที่ 1 เมื่อชุมนุมโดยสงบ มีการอภิปรายก็ว่ากันไป
อันที่ 2.ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย แต่ยังไม่มีพฤติการณ์ที่ก้าวร้าว หรือก่อให้เกิด หรือเช่นการกระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ เช่นก้าวล้ำบนถนน ลงบนถนน เจ้าหน้าที่อยากให้มีการเจรจา เราจะเห็นว่า กรณีตัวอย่างหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติชัดเจน จะมีเจ้าหน้าที่คอยเจรจาว่า ให้อย่าปิดบนถนน อย่าเข้าใกล้ตรงจุดนี้ อย่าใช้กำลังรบกวนสถานพยาบาล เป็นหลักสัดส่วนต่างๆ
ข้อต่อมาถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมร่วมก่อเหตุ หรือก่อความวุ่นวาย หรือการเข้ารุกล้ำในสถานที่ราชการ หรือพื้นที่ประกาศความมั่นคงฯ ไว้ ก็จะพิจารณาใช้กำลัง หรือใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามเหมาะสม เช่นด้วยจับภาพบนจอทีวี ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะบริเวณแยก พล.1 รักษาพระองค์ ไม่ว่าจะบริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐไม่ว่าจะเป็นที่แยกการเรือน แยกขัตติยานี หรือจะบริเวณอื่นก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ก็จะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอน การใช้กำลังที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ชุมนุม เริ่มจากเรื่องการใช้แก๊สน้ำตา การใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง การใช้กำลังผลักดัน การใช้กำลังโล่ การใช้น้ำฉีดแรงดันสูง ไปจนถึงการใช้กระสุนยางๆ ต่างๆ เหล่านั้น จะมีขั้นตอนกำหนดอย่างชัดเจน ควรใช้กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ อธิบายให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่อยู่ที่บ้านรับทราบ ภาพที่ปรากฏบนจอทีวีทุกช่อง เป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่รักษาแนวของตัวเอง ไม่ได้มีจุดไหนที่ล่วงล้ำออกจากแนวของตัวเองเลย จุดไหนที่มีการชุมนุมโดยสงบ
ยกตัวอย่างเช่นขณะนี้ มีการชุมนุมที่ศูนย์ราชการ มีการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ใช้กำลังกดดันแต่อย่างใดก็เป็นการอำนวยความสะดวก รักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นการเจรจาขอคืนพื้นที่เป็นระยะ แต่ ณ จุดใดมีการก้าวล้ำเข้ามา การใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามลำดับขั้นก็มีเหตุผล ผมว่าขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความอดทนมาตลอดเวลา 1 เดือนเศษ และวันนี้ก็ยังใช้รูปแบบเดิม ในการทำงานตามมาตรฐานสากล ขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ทางบ้าน ที่ติดตามข่าวสารต่างๆ เพิ่ม กรุณาตรวจสอบจากแหล่งทุกแหล่ง เพื่อความชัดเจน ถ้าท่านตรวจสอบข้อมูลเพียงแหล่งเดียว อาจจะได้ข้อมูลไม่ชัด
ผมย้ำอีกครั้งนะครับว่า เหตุการณ์ที่มีการผลักดัน การใช้น้ำ การใช้แก๊สน้ำตา หรือสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนแนวเข้ามา บางจุดเรามีภาพพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า นอกจากจะใช้รถบรรทุกผู้ต้องหาจำนวน 2 คัน ที่ยึดจากเจ้าหน้าที่เมื่อคืน คือบริเวณแยกสะพานชมัยมรุเชฐ ให้ชนแนวกั้น หรือบริเวณแยก พล.1 มีการใช้รถขนขยะเข้าพุ่งชนแนวกั้น และจะพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างๆ เหล่านั้นเป็นภัยอันตรายที่ใกล้อันตรายที่ใกล้ตัวเจ้าหน้าที่ถึงต้องมีการใช้แก๊สน้ำตา หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนข้อมูลที่มีการปรากฏว่า มีการใช้กระสุนจริงต่างๆ นั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนไม่มีการพกอาวุธ หรือใช้อย่างอื่น มีการใช้อุปกรณ์ประจำกาย คือ โล่ และกระบอง ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตาอื่นๆ นั้น จะเป็นผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงเท่านั้น เมื่อกี้ที่มีภาพปรากฏอยู่ในทีวีสาธารณะบางอย่างที่ผมขออนุญาตยกตัวอย่าง เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.เศษ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เจ้าหน้าที่ภาคสนาม ก็ถ่ายภาพให้เห็นชัดเจน มีการพบชายยิงปืนขึ้นฟ้า อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ณ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ใกล้ได้เข้าไปก้มลงทำร้าย ชายดังกล่าวก็วิ่งหนีไป ผมถามว่า การใช้อาวุธปืนตรงนั้นอยู่ในแนวเขตไหน ภาพปรากฏชัด
ในกรณีต่อมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการจับกุมผู้ที่ได้มีอาวุธอยู่ ก็อยู่ในจุดผู้ชุมนุมต่างๆ ด้วยการทั้งสิ้น สำหรับการตรวจสอบผู้อ้างว่า ถูกกระสุนยางได้รับบาดเจ็บ จากบนเวที และบอกว่าตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบจากโรงพยาบาลหัวเฉียวแล้ว ไม่เป็นความจริง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากแก๊สน้ำตาจำนวน 8 คน ขณะนี้รักษาอาการเบื้องต้น เช่น แสบตา หรือฟกช้ำต่างๆ เล็กน้อย นี่คือการยกตัวอย่าง รวมทั้งกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้สีผสมเข้าไปในน้ำ หรือแก๊สน้ำตา เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันในการพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่รุกล้ำเข้าไปในเขตหวงห้าม ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่รุกล้ำเข้าไป จะไม่มีโอกาสที่โดนน้ำ หรือแก๊สน้ำตาเป็นอันขาด
ดังนั้นการใส่สีธรรมชาติ ที่มีการกล่าวอ้างจากแหล่งต่างๆ บอกว่า เป็นแก๊สพิษต่างๆ นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการแยกแยะระหว่างผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรง กับผู้ชุมนุมที่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยเฉพาะไม่ได้กล่าวก้าวล้ำอะไรนะครับ นี่เป็นหลักการสากลที่ทั่วประเทศในโลกใช้กันทั้งหมด เพราะฉะนั้นขอยืนยัน ณ ทุกกรณีว่า ขั้นตอนการปฏิบัติทุกจุดในขณะนี้ ภาพปรากฏต่อสื่อมวลชนทุกอย่างนั้น เป็นภาพที่มีความจริง ซึ่งเราสามารถยืนยันได้ รวมทั้งคนเจ็บต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องสื่อมวลชน หรือพี่น้องประชาชนพบเห็นว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเหตุอื่น ไม่ว่าจะอ้างว่า เป็นกระสุนยางอะไรแล้วแต่นั้น กรุณาแจ้งเราครับ อยู่ ที่โรงพยาบาลไหน อยู่ที่จุดไหน เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวนของแต่ละสถานีจะได้ไปตรวจสอบ และชี้แจงความจริงต่อพี่น้องประชาชนต่อไปครับ
อัญชุลี - ก็อยากจะขอร้อง และขอความร่วมมือกับผู้ชุมนุมทุกท่านนะคะว่า อย่าได้พยายาม หรือก้าวล้ำเข้ามาในเขตแนวกั้นแบริเออร์ เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจะรักษาพื้นที่อยู่หลังแนวกั้นแบริเออร์เท่านั้น โดยปราศจากอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ มีเพียงโล่ และกระบองยางเท่านั้น มิได้มีอาวุธอย่างอื่นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากผู้ชุมนุม ชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ อยู่นอกแนวเขตที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่หวงห้ามนั้นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา หรือว่าได้ให้เกิดการปะทะแต่อย่างใด
ณ ขณะนี้มีรายงานจำนวนประชาชน หรือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ จากการใช้แก๊สน้ำตาจากเมื่อวานจนถึงวันนี้ เบื้องต้นข้อมูลจากศูนย์เอราวัณก็คือ ยังไม่มีประชาชน หรือผู้ชุมนุมท่านใดที่ได้รับอันตราย หรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ไม่มีเลย มีเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ระคายเคืองจากการใช้แก๊สน้ำตา
เบื้องต้นเมื่อวานนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 58 ราย สำหรับวันนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลอยู่ค่ะ ซึ่งความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและ ศอ.รส.ไม่ได้มีความปรารถนา ไม่ได้ต้องการที่จะเห็นภาพพี่น้องบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือว่า อย่าได้ก้าวเข้ามา อย่าพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาหลังเขตแนวแบริเออร์เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
วิชญ์ชยากร - ทาง ศอ.รส.เรายืนยันต่อพี่น้องประชาชน ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ เรายังได้รับคำสั่งให้ตั้งรับอยู่ในที่ตั้ง ป้องกันสถานที่ราชการสำคัญ ตามภารกิจหลักของเราไม่ให้มีการเข้าล้ำเข้าไปได้ และข้อมูลข่าวสารตอนนี้เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากมายหลายประการ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงยิงมาบริเวณแถววัดโสมนัส ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนของ สน.นางเลิ้ง ได้ไปตรวจสอบพื้นที่ และพบว่า ตรงนั้นไม่มีกองร้อยควบคุมฝูงชนอยู่บริเวณวัดโสมนัสมีเพียงเสียงที่ดังขึ้นเกิดจากประทัดยักษ์ ที่มีการยิงจากคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
นอกจากนี้ ตามที่ท่านโฆษกบอก กระสุนยางตอนนี้เรายังไม่มีการใช้ และอาการบาดเจ็บเล็กน้อยยังเป็นขั้นตอนขั้นต้นของตำรวจควบคุมฝูงชน เพื่อที่จะระงับยับยั้งไม่ให้มีเหตุเผชิญหน้า หรือว่าเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ดังนั้น ศอ.รส.จึงวิงวอน ขอเตือนพี่น้องประชาชนตอนนี้โปรดรับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ด้วยความมีสติ และโปรดรับข้อมูลข่าวสารอยู่ที่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน
ปิยะ- สรุปอีกครั้งนะครับ ล่าสุดข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่พบว่า มีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องประทับบ่ายิงคล้ายอาวุธปืนนั้น ความจริงคือสิ่งที่ได้แสดงต่อพี่น้องประชาชน ก่อนที่มีการชุมนุม ณ บริเวณ ไม่ว่าจะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเอง หรือแยกมัฆวานฯ นั่นคือเครื่องยิงแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่ใช้หลังจากที่ขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าการเจรจา หรือใช้เครื่องเปล่งเสียงต่างๆ การใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตานั้น เพื่อรักษาระยะห่างของกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อเจ้าหน้าที่ ผบ.เหตุการณ์ ณ พื้นที่เห็นว่า ถ้าขืนยังเข้าใกล้เกินกว่าเพื่อความปลอดภัยแล้ว จึงต้องใช้เครื่องยิงแก๊สน้ำตายิงเข้าไป ส่วนพื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่ห้าม และไม่สะดวก หรือไม่ปลอดภัยต่อผู้ชุมนุม ผบ.เหตุการณ์ ณ จุดนั้น จะใช้แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง รวมทั้งที่ในขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เอาพัดลมขนาดใหญ่มาเป่า ใส่เจ้าหน้าที่ต่างๆ ดังนั้นการขว้างแก๊สน้ำตานั้น อาจจะเป็นอุปสรรคของเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำไป เครื่องยิงกระสุน หมายถึงเครื่องยิงแก๊สน้ำตาดังกล่าวนั้น ก็เป็นการควบคุมฝูงชนตามมาตรฐานสากล ซึ่งใช้กันอยู่ทั่วโลก และเจ้าหน้าที่ได้แสดงให้เห็นว่า ลักษณะอุปกรณ์ดังกล่าวคือ อุปกรณ์ใช้ในการใช้แก๊สน้ำตา ศอ.รส.ขออนุญาตสรุปสถานการณ์ และความจริงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบในห้วงเวลาดังกล่าว สวัสดีครับ