โฆษก ศอ.รส.แถลงโกหกแหกตาประชาชน ย้ำ ตร.ไม่เคยใช้กระสุนจริงยิงใส่ม็อบ ย้ำผสมสีลงในน้ำฉีดใส่ผู้ชุมนุมตามหลักสากล ใช้กันทุกประเทศ
วันนี้ (2 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมว่า ขณะนี้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจที่บริเวณแยกการเรือน แยกพล.1 และสะพานชมัยมรุเชฐ โดยในทุกจุดที่มีการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแนวที่ได้แจ้งเตือนไปยังผู้ชุมนุมตลอดเวลา ไม่มีจุดใดที่ตำรวจออกไปพ้นแนวที่ตั้งไว้ เพราะฉะนั้นการกระทบกระทั่งหรือปะทะกันเกิดขึ้นในแนวที่ผู้ชุมนุมได้บุกรุกเข้ามาโดยตลอดในทุกพื้นที่ ทั้งนี้ ศอ.รส.ได้ย้ำและกำหนดแนวทางการใช้กำลัง ซึ่งปรากฏในคำสั่งปฏิบัติการของ ศอ.รส.และกำหนดให้ตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนายปฏิบัติ ยึดหลักความจำเป็น โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และต้องใช้ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อไปว่า ขณะที่หลักแห่งความได้สัดส่วนนั้น ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนต้องเลือกใช้วิธีการและกำลังที่เหมาะสม สอดคล้องกับภยันตรายที่คุกคาม ยกตัวอย่างถ้ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาตัดรั้วลวดหนามเจ้าหน้าที่จะเริ่มจากการใช้เครื่องเสียงแจ้งเตือนให้ยกเลิกการกระทำก่อน โดยมีการขึ้นป้ายข้อความแจ้งเตือนเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมอ้างได้ว่าไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน แต่หากยังรุกมีการปีนแนวรั้วลวดหนาม หรือทำลายแท่งปูนก็จะมีการขึ้นป้ายข้อความแจ้งเตือนขั้นตอนต่อไป พร้อมระบุด้วยว่าหากยังฝ่าฝืนต่อไป ตำรวจจะดำเนินการใช้น้ำหรือยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งตำรวจจะมีการแจ้งเตือนทุกขั้นตอน และให้เวลาพอสมควรเพื่อให้ผู้ชุมนุมได้ล่าถอยไป หลักความถูกต้องตามกฎหมาย ทุกขั้นตอนการปฏิบัติยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามหลักสากล
“ขอย้ำว่าเหตุการณ์ที่มีการผลักดัน การใช้น้ำ หรือแก๊สน้ำตา ทั้งหมดมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าฝืนแนวเข้ามา เรามีหลักฐานเป็นภาพชัดเจนว่ามีการใช้รถควบคุมผู้ต้องหาของตำรวจที่ได้ยึดไปจากสะพานชมัยมรุเชฐเข้าชนแนวกั้น หรือบริเวณแยก พล.1 มีการใช้รถขนขยะขับพุ่งชนแนวกั้น และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรงนี้ถือเป็นภยันตรายที่ใกล้ถึงตัวเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีการยิงแก๊สน้ำตา หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆ ส่วนที่มีข้อมูลว่ามีการใช้กระสุนจริงนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่มีการพกอาวุธ มีเพียงโล่และกระบองเท่านั้น” โฆษก ศอ.รส.กล่าว
ส่วนที่มีการประกาศบนเวทีของผู้ชุมนุมว่ามีผู้ถูกกระสุนยางยิงใส่จนได้รับบาดเจ็บ ขณะรักษาตัวที่ รพ.หัวเฉียวนั้น พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า จากการตรวจสอบกับ รพ.หัวเฉียว แล้วพบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกแก๊สน้ำตาจำนวน 8 คนเท่านั้น ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่มีการผสมสีลงในน้ำที่ฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้น โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า เหตุผลที่ผสมสีลงไปในน้ำเพื่อเป็นหลักฐานในการพิสูจน์ทราบบุคคลว่าใครที่ใช้ความรุนแรง หรือรุกล้ำเข้าไปในเขตห้วงห้าม เพราะฉะนั้นการใส่สีธรรมชาติลงในน้ำ ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นแก็สพิษหรือสารพิษนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด วิธีการดังกล่าวเป็นการแยกแยะผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรงแรงออกจากผู้ชุมนุมปกติ ซึ่งตรงนี้เป็นไปตามหลักสากลที่ใช้กันทุกประเทศในโลกใช้กันทั้งหมด ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุอื่น หรือเกิดจากการกล่าวอ้างว่าเป็นกระสุนยางเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใด หรือที่จุดไหน สามารถแจ้งมาได้ ซึ่ง ศอ.รส.จะส่งพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบเพื่อชี้แจงความจริงต่อไปประชาชนต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ยากร ณิชาบวร รองโฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า ศอ.รส.ได้รับคำสั่งให้ตั้งรับอยู่ในที่ตั้ง และเน้นการป้องกันสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ เท่านั้น ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจใช้กระสุนจริงยิงใส่มวลชนบริเวณวัดโสมนัสวรวิหารนั้น ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ตรวจสอบ พบว่าที่บริเวณดังกล่าวไม่มีกองร้อยควบคุมฝูงชนประจำอยู่ เหตุดังกล่าวเกิดจากมีการโยนประทัดยักษ์ของบุคคลกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมาตำรวจยังไม่ได้มีการใช้กระสุนยางตามที่โฆษก ศอ.รส.ได้เรียนไปก่อนหน้านี้ การปฏิบัติของตำรวจที่ผ่านมาเพื่อเป็นการยับยั้งไม่ให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการ รวมทั้งไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย