สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ เติบโตเพียง 2.7 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสที่ 2 เป็นผลจากการใช้จ่ายผู้บริโภคครัวเรือนลดลง เนื่องจากการซื้อสินค้าคงทนประเภทยานยนต์ลดลงมากเมื่อเทียบจากฐานที่สูงในปีก่อน ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากโครงการรถคันแรกและการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนลดลง แต่ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัว ด้านการผลิตพบว่ามีการขยายตัวจากภาคธุรกิจกลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร การเงิน และคมนาคมขนส่ง คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีจะโตแค่กว่า 1 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากการส่งออกขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งปริมาณผลิตรถยนต์ทั้งปีมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายของภาคเอกชนที่ตั้งไว้ 2,500,000 คัน
ขณะที่การดำเนินแผนตามการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งยังมีปัญหาอุทกภัย ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 3.8-4.3 เปอร์เซ็นต์
ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก การดำเนินการตามแผนการลงทุนของภาครัฐ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง
ขณะที่การดำเนินแผนตามการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งยังมีปัญหาอุทกภัย ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 3.8-4.3 เปอร์เซ็นต์
ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก การดำเนินการตามแผนการลงทุนของภาครัฐ ทั้งโครงการบริหารจัดการน้ำ และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง
