เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 กรมศุลกากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตรวจค้นกระเป๋าเดินทางต้องสงสัย ซึ่งนอกจากจะพบของเล่นเด็ก ยังพบถุงสีน้ำตาล 2 ใบ ซ่อนอยู่ในช่องผนังของกระเป๋า ซึ่งภายในถุงสีน้ำตาลมีวัตถุเป็นเกล็ดสีขาว และหลังตรวจด้วยน้ำยาทดสอบพบว่าเป็นสิ่งที่พบ คือ ยาไอซ์ หรือ เมทแอมแฟตตามีนไฮโดรคลอไรด์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 น้ำหนัก 6.13 กิโลกรัม มูลค่าราว 23 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เพื่อทำการสืบสวนต่อ
โดยนายไพศาล ชื่นจิตร ผู้อำนวยการ สำนักสืบสวนและปราบปรามกรมศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบินเจทแอร์เวย์ว่า กระเป๋าใบนี้มาจากเมืองกัลกัตตาประเทศอินเดีย เที่ยวบินที่ 9W072 เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาแต่ไม่มีเจ้าของ จึงประสานให้นำกระเป๋าไปเอ็กซ์เรย์ ก็พบวัตถุต้องสงสัย แต่ระเบียบของสายการบินจะเปิดกระเป๋าตรวจได้ก็ต่อเมื่อไม่มีผู้มาติดต่อขอรับภายใน 1 เดือน เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ เมื่อครบกำหนดเปิดกระเป๋าออกมาตรวจสอบ จึงพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ มีป้ายติดกระเป๋าระบุชื่อนายฮาบาจัน ซิงห์ ชาวอินเดีย เป็นเจ้าของ และหลังตรวจสอบสอบไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่านายซิงห์เดินทางออกจากไทยไปประเทศลาว ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน จึงประสานทางการลาวให้ทราบเพื่อดำเนินการ ส่วนของกลางได้มอบให้พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อสืบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
โดยนายไพศาล ชื่นจิตร ผู้อำนวยการ สำนักสืบสวนและปราบปรามกรมศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบินเจทแอร์เวย์ว่า กระเป๋าใบนี้มาจากเมืองกัลกัตตาประเทศอินเดีย เที่ยวบินที่ 9W072 เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาแต่ไม่มีเจ้าของ จึงประสานให้นำกระเป๋าไปเอ็กซ์เรย์ ก็พบวัตถุต้องสงสัย แต่ระเบียบของสายการบินจะเปิดกระเป๋าตรวจได้ก็ต่อเมื่อไม่มีผู้มาติดต่อขอรับภายใน 1 เดือน เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ เมื่อครบกำหนดเปิดกระเป๋าออกมาตรวจสอบ จึงพบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ มีป้ายติดกระเป๋าระบุชื่อนายฮาบาจัน ซิงห์ ชาวอินเดีย เป็นเจ้าของ และหลังตรวจสอบสอบไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่านายซิงห์เดินทางออกจากไทยไปประเทศลาว ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน จึงประสานทางการลาวให้ทราบเพื่อดำเนินการ ส่วนของกลางได้มอบให้พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อสืบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง