ศุลกากรสุวรรณภูมิ ตรวจยึดกระเป๋าเดินทางจากประเทศอินเดีย ที่อายัดไว้กว่า 3 เดือน ตะลึงพบซุกซ่อนยาไอซ์หนัก 6,130 กรัม มูลค่ากว่า 23 ล้านบาท เร่งประสาน บช.ปส.ล่าตัวโจ๋ต่างชาติเจ้าของกระเป๋าเดินทางใบดังกล่าวที่ไหวตัวทันหนีเข้าลาวไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ (7 พ.ย.) ที่สำนักสืบสวนและปราบปราม ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม3 นายเดชา วิชัยดิษฐ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนสืบสวนปราบปรามที่1ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาไอซ์น้ำหนัก 6,130 กรัม มูลค่าราว 23 ล้านบาท และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 1 ใบ
นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม กล่าวว่า ตามนโยบายการป้องกันและสกัดกั้นการนำยาเสพติดเข้าราชอาณาจักรของนายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร ทางเจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวังและติดตามผู้ต้องสงสัยอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สายการบินเจ็ทแอร์เวย์ พบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่บนสายพานลำเลียงสัมภาระที่มาจากเมือง โกลกัลตา ประเทศอินเดีย เที่ยวบิน 9W072 โดยไม่มีผู้โดยสารมาแสดงตนเป็นเจ้าของ จึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนปราบปรามเข้าตรวจสอบ จึงนำกระเป๋าใบดังกล่าวไปเอกซเรย์ก็พบวัตถุต้องสงสัยทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ด้านข้างกระเป๋าเดินทางทั้งสองข้าง แต่ด้วยกฎระเบียบของสายการบินจะไม่สามารถเปิดกระเป๋าของผู้โดยสารจนกว่าจะไม่มีผู้มาติดต่อขอรับภายใน 1 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงอายัดกระเป๋าใบดังกล่าวไว้เพื่อรอผู้โดยสารที่อาจจะลืมกระเป๋ามาติดต่อรับ ระหว่างนั้นก็ได้สืบสวนหาตัวเจ้าของกระเป๋าซึ่งมีชื่อระบุอยู่บนป้ายชื่อที่ติดกระเป๋า ระบุนนายฮาบาจัน ซิงห์ (Mr.HARBHAJAN SINGH) อายุ 19 ปี จึงประสานไปยัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก็พบว่าบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกนอกประเทศไปยัง สปป.ลาวเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงประสานต่อไปยัง สปป.ลาวเพื่อติดตามตัวมาสอบสวน
เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 1 เดือนไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของหรือมาติดต่อรับของคืน เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง บช.ปส.เจ้าหน้าที่สายการบินเจ็ทแอร์เวย์ ในฐานะสายการบินต้นทาง สายการบินไทยในฐานะผู้รับฝากกระเป๋าของผู้โดยสารที่สูญหายภายในสนามบิน ร่วมเป็นพยาน เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดตรวจสอบ พบของเด็กเล่นอยู่ในกระเป๋าโดยไม่มีเสื้อผ้าหรือสัมภาระอื่น และเมื่อตรวจสอบด้านข้างกระเป๋าเดินทางก็พบวัตถุต้องสงสัยทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นถุงสีน้ำตาล เมื่อเปิดออกพบเกล็ดสีขาวซุกซ่อนอยู่ จึงทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยน้ำยาทดสอบสารเสพติด ผลปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 6,130 กรัม
เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของทั้งหมดไว้เป็นของกลาง เนื่องจากผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ก่อนส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บช.ปส.เพื่อนำไปสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป