อธิบดีกรมศุลฯ แถลงข่าวจับกุมสาวขนยาไอซ์ มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง สารภาพรับจ้างขนยานรก 20,000 บาท ตำรวจแจ้งข้อหาหนักมีสารเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่กรมศุลกากร เมื่อเวลา 10.30 น. นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยนางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร และเจ้าหน้าที่สืบสวนกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.ธิติลักษณ์ ติ่งถิ่น อายุ 23 ปี ชาว จ.ชลบุรี พร้อมของกลางกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาล 1 ใบ โคคาอีน (โคเคน) น้ำหนักรวม 7 กก.มูลค่า 31 ล้านบาท ขวดพลาสติกถุงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคหลายรายการ และหนังสือเดินทางประเทศไทยหมายเลข R930180 โดยจับกุมได้ที่บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง
นายราฆพเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรงานสืบสวนปราบปราม และศูนย์บริการศุลกากรท่าอากาศยานดอนเมือง สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ สืบทราบว่าจะมีการขนยาเสพติดมาจากประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งเมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบ น.ส.ธิติลักษณ์เดินทางมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง มีพฤติกรรมต้องสงสัยจึงเข้าตรวจค้นกระเป๋า พบวัตถุต้องสงสัยเป็นผงและของเหลวสีขาวซุกซ่อนภายในกระเป๋าเดินทางดังกล่าวจึงได้ตรวจสอบด้วยน้ำยาทดสอบพบว่าเป็นสารเสพติดประเภทโคเคนจึงได้จับกุม
จากการสอบสวน น.ส.ธิติลักษณ์ทราบว่า เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์โดยใช้สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ AK591 จากนั้นมาลงยังเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ก่อนมาลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยใช้สายการบินแอร์เอเชีย AK1948 เบื้องต้นสารภาพว่ารับจ้างขนโคเคนมาจากประเทศฟิลิปปินส์ โดยได้ค่าจ้าง 20,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายราฆพกล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับกุมตลอด 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเบื้องต้นจากการขยายผลพบว่ามีการทำเป็นลักษณะขบวนการ โดยมีชาวไนจีเรียเป็นหัวหน้าขบวนการ สำหรับพฤติกรรมของขบวนการแก๊งต่างชาติเหล่านี้จะทำทีเข้ามาตีสนิทโดยอ้างตัวว่าเป็นเศรษฐีนักธุรกิจ พูดคุยจนกระทั่งสนิทสนมตกลงปลงใจคบหากัน ก่อนจะออกอุบายเดินทางกลับต่างประเทศและอยากให้หญิงไทยเดินทางไปด้วย แต่ต้องช่วยขนสินค้าหรือเครื่องประดับ โดยหารู้ไม่ว่าสินค้าหรือเครื่องประดับเหล่านั้นมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ และเมื่อเดินทางไปถึงก็จะถูกตรวจค้นและจับกุมในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังพบว่าที่อันตรายไปมากกว่านั้นหญิงสาวบางรายถูกกลุ่มคนร้ายออกอุบายส่งตั๋วเครื่องบินให้โดยอ้างว่าให้ไปช่วยขนของเพื่อกลับเข้ามาในประเทศ