พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณริมถนนเพชรเกษม สาย 42 ขาเข้าบ้านส้มป่อย ม. 4 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ จนเป็นเหตุให้ ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ รองสารวัตรชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ภ.จว.นราธิวาส หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ในฐานะหัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ร.ต.ต.จรูญ เมฆเรือง รองสว.ชุดเก็บกู้ระเบิด และ จ.ส.ต.นิมิต ดีวงศ์ ผบ.หมู่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน.ได้ยกย่องวีรกรรมการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ และเสียสละของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ รวมทั้งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ทุกราย พร้อมกับจะดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในสายงาน กอ.รมน.อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการสูญเสีย ร.ต.ต.แชน ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเก็บกู้วัตถุระเบิดมากที่สุดคนหนึ่ง และมีอุดมการณ์เสียสละ ทุ่มเทปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปกป้อง ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้ความปลอดภัยจากเหตุระเบิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้แสดงความห่วงใยกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร เพราะผู้เห็นต่างที่ยังนิยมใช้ความรุนแรงยังคงแสวงหาโอกาสลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างไร้มนุษยธรรม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจของแนวร่วมให้มีความฮึกเหิม จากการที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ที่สามารถกดดัน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป พร้อมกับขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสหากพบวัตถุต้องสงสัย รวมถึงสื่อมวลชนที่ทำข่าวในพื้นที่เกิดเหตุ ในการปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุต้องสงสัยทุกครั้งในรัศมี 200 เมตร เพื่อความปลอดภัยจากเหตุระเบิดซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้แสดงความห่วงใยกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร เพราะผู้เห็นต่างที่ยังนิยมใช้ความรุนแรงยังคงแสวงหาโอกาสลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างไร้มนุษยธรรม เพื่อสร้างขวัญกำลังใจของแนวร่วมให้มีความฮึกเหิม จากการที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ที่สามารถกดดัน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิคถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป พร้อมกับขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสหากพบวัตถุต้องสงสัย รวมถึงสื่อมวลชนที่ทำข่าวในพื้นที่เกิดเหตุ ในการปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุต้องสงสัยทุกครั้งในรัศมี 200 เมตร เพื่อความปลอดภัยจากเหตุระเบิดซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้