ทั่วโลกโล่งใจ หลังรัฐสภาสหรัฐฯตกลงสงบศึก ช่วยให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตจากการผิดนัดชำระหนี้แม้เพียงชั่วคราวก็ตาม ประธานธนาคารโลกระบุคองเกรสช่วยให้เศรษฐกิจโลกหลบเลี่ยงจากหายนะ ขณะนายใหญ่ไอเอ็มเอฟแสดงความยินดี แต่ติงว่าเศรษฐกิจอเมริกาจำเป็นต้องมีสถานะการคลังที่มั่นคงในระยะยาว
ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายตอนเที่ยงคืนวันพุธ (16 ต.ค.) วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครต ก็ได้ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานการก่อหนี้ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งอัดฉีดงบประมาณชั่วคราวที่ทำให้หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่ปิดไปตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา เปิดทำการอีกครั้งในวันพฤหัสฯ (17) ด้วยคะแนน 81-18 จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ก็โหวตให้ด้วยคะแนน 285-144
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามรับรองมาตรการใช้จ่ายดังกล่าวทันที และแถลงว่า ความสำเร็จนี้ทำให้รัฐบาลสามารถเริ่มขจัดความไม่แน่นอนและความยากลำบากออกจากธุรกิจอเมริกันและประชาชนชาวอเมริกัน
ภายใต้ข้อตกลงล่าสุดของคองเกรสคราวนี้ ซึ่งยังมีลักษณะเป็นการประนีประนอมกันเพียงชั่วคราวนั้น จะทำให้กระทรวงคลังกู้ยืมได้ตามปกติจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า และมีการออกงบประมาณพิเศษชั่วคราวให้รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายไปถึงวันที่ 15 มกราคม ขณะเดียวกันจะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของสภาสูงและสภาล่างซึ่งมีตัวแทนจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเข้าร่วม เพื่อหารือและแนวทางลดการขาดดุลงบประมาณระยะยาวภายในวันที่ 13 ธันวาคม โดยมาตรการดังกล่าวต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา
“โลกหายใจทั่วท้อง หลังอเมริกาหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หวุดหวิด” หนังสือพิมพ์ไทม์ ออฟ อินเดียฉบับวันพฤหัสบดี พาดหัวข่าว
ทางด้าน คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยินดีกับข้อตกลงของคองเกรส แต่สำทับว่า เศรษฐกิจอเมริกาต้องมีสถานะการคลังที่มั่นคงในระยะยาว ทว่า ข้อตกลงล่าสุดยังเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น จึงเท่ากับว่า ชาวอเมริกันอาจเผชิญศึกงบประมาณและการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกรอบตอนต้นปีหน้า
ลาการ์ดแถลงว่า อเมริกาจำเป็นต้องลดความไม่แน่นอนที่รุมล้อมการดำเนินนโยบายการคลังด้วยการขยายเพดานการก่อหนี้ในแนวทางที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
ขณะที่ จิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก ระบุว่า เศรษฐกิจโลกรอดพ้นจากแนวโน้มหายนะจากการตัดสินใจของคองเกรสในการผ่านมาตรการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ส่วน หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของวอชิงตันจากการถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯ ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ออกคำแถลงแสดงความยินดีที่วิกฤตการเมืองอเมริกันคลี่คลายลง
ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายตอนเที่ยงคืนวันพุธ (16 ต.ค.) วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครต ก็ได้ผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานการก่อหนี้ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งอัดฉีดงบประมาณชั่วคราวที่ทำให้หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่ปิดไปตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา เปิดทำการอีกครั้งในวันพฤหัสฯ (17) ด้วยคะแนน 81-18 จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ก็โหวตให้ด้วยคะแนน 285-144
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ลงนามรับรองมาตรการใช้จ่ายดังกล่าวทันที และแถลงว่า ความสำเร็จนี้ทำให้รัฐบาลสามารถเริ่มขจัดความไม่แน่นอนและความยากลำบากออกจากธุรกิจอเมริกันและประชาชนชาวอเมริกัน
ภายใต้ข้อตกลงล่าสุดของคองเกรสคราวนี้ ซึ่งยังมีลักษณะเป็นการประนีประนอมกันเพียงชั่วคราวนั้น จะทำให้กระทรวงคลังกู้ยืมได้ตามปกติจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า และมีการออกงบประมาณพิเศษชั่วคราวให้รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายไปถึงวันที่ 15 มกราคม ขณะเดียวกันจะมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของสภาสูงและสภาล่างซึ่งมีตัวแทนจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเข้าร่วม เพื่อหารือและแนวทางลดการขาดดุลงบประมาณระยะยาวภายในวันที่ 13 ธันวาคม โดยมาตรการดังกล่าวต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา
“โลกหายใจทั่วท้อง หลังอเมริกาหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หวุดหวิด” หนังสือพิมพ์ไทม์ ออฟ อินเดียฉบับวันพฤหัสบดี พาดหัวข่าว
ทางด้าน คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยินดีกับข้อตกลงของคองเกรส แต่สำทับว่า เศรษฐกิจอเมริกาต้องมีสถานะการคลังที่มั่นคงในระยะยาว ทว่า ข้อตกลงล่าสุดยังเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น จึงเท่ากับว่า ชาวอเมริกันอาจเผชิญศึกงบประมาณและการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกรอบตอนต้นปีหน้า
ลาการ์ดแถลงว่า อเมริกาจำเป็นต้องลดความไม่แน่นอนที่รุมล้อมการดำเนินนโยบายการคลังด้วยการขยายเพดานการก่อหนี้ในแนวทางที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
ขณะที่ จิม ยอง คิม ประธานธนาคารโลก ระบุว่า เศรษฐกิจโลกรอดพ้นจากแนวโน้มหายนะจากการตัดสินใจของคองเกรสในการผ่านมาตรการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ส่วน หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของวอชิงตันจากการถือครองพันธบัตรคลังสหรัฐฯ ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ ออกคำแถลงแสดงความยินดีที่วิกฤตการเมืองอเมริกันคลี่คลายลง