เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ องค์กรภาคธุรกิจของสหรัฐฯยังคลางแคลงใจต่อศักยภาพของ “อาเซียน” ในการรวมตัวเป็น “ตลาดเดียว” ในปี 2015 ชี้กว่าจะรวมตัวสำเร็จอาจต้องรอหลังปี 2020 ขณะที่ไทยถูกมองเป็นดินแดนที่น่าลงทุนเป็นลำดับ 3 ของอาเซียนในสายตาชาวอเมริกันตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม
ผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (20) ของบรรดาผู้บริหารอาวุโสของบริษัทสัญชาติอเมริกันจำนวน 475 ราย ที่มีการทำธุรกิจอยู่ใน 10 ประเทศที่เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้บริหารภาคธุรกิจของสหรัฐฯ “ไม่เชื่อ” ว่า กลุ่มประเทศอาเซียนจะบรรลุเป้าประสงค์ของตนในการรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ “เออีซี” ในปี 2015
ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำร่วมกันโดยสภาหอการค้าอเมริกัน และหอการค้าอเมริกันประจำสิงคโปร์ยังระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่า กว่าที่อาเซียนจะบรรลุเป้าหมายในการรวมตัวเป็นตลาดเดียวของเออีซีได้อย่างแท้จริงนั้น อาจต้องรอจนถึงปี 2020 หรือนานกว่านั้น มีผู้บริหารระดับสูงชาวอเมริกันเพียง 23 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อมั่นว่า อาเซียนจะประสบความสำเร็จในการสร้าง “ตลาดเดียว” ภายในปี 2015
แม้ผลสำรวจที่ออกมาจะสะท้อนถึงความเคลือบแคลงของนักธุรกิจอเมริกันที่มีต่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ผลสำรวจก็ชี้ให้เห็นว่า โดยภาพรวมแล้วบริษัทอเมริกันยังคงมี “มุมมองในเชิงบวก” ต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่มูลค่าการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯในอาเซียนก็ปรับเพิ่มขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกตลอด 5 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า อินโดนีเซียถูกยกให้เป็นประเทศที่ “น่าดึงดูดมากที่สุด” สำหรับการขยายธุรกิจใหม่ของสหรัฐฯ รองลงมาคือ เวียดนาม ไทย และ พม่า ตามลำดับ