นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ จะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.8 ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปี ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ชะลอตัว เพราะสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัว เพราะยอดผลิตรถยนต์ลดลง และการส่งออกไตรมาส 2 ที่ติดลบถึงร้อยละ 1.9 จากเศรษฐกิจโลที่ยังไม่ฟื้น ทำให้ส่งออกครึ่งปีขยายตัวเพียงร้อยละ 1 สศช.จึงปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี เหลือโตร้อยละ 3.8-4.3 จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 4.2-5.2 โดยการส่งออกขยายตัวเพียงร้อยละ 5 ซึ่งถือเป็นงานหนักของรัฐบาล ที่ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกจะต้องขยายตัวได้ถึงร้อยละ 8.7 หรือมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันอยู่ที่ 18,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเชื่อว่าการส่งออกในไตรมาส 3 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ จะเร่งการผลิตเพื่อการส่งออกมากขึ้น และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ สศช.ให้ความสำคัญ และต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ยังอยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่ยังล่าช้า รวมไปถึงการชะลอเศรษฐกิจของจีน แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐลดน้อยลง แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐล่าช้ากว่าที่คาด และความขัดแย้ง เสถียรภาพทางการเมือง ที่อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยว โดยปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มจก 24.7 ล้านคน เป็น 26.2 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.3 โดยในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐจะต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย ส่งเสริมให้หน่วยงานราชการจัดการสัมมนาในประเทศ เพื่อกระจายงบประมาณสู่ภูมิภาค และส่งเสริมการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินนั้น สามารถผ่อนคลายได้มากขึ้น เพราะอัตราเงินเฟ้อต่ำ อยู่ที่ร้อยละ 2.3-2.8
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ สศช.ให้ความสำคัญ และต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ยังอยู่ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่ยังล่าช้า รวมไปถึงการชะลอเศรษฐกิจของจีน แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐลดน้อยลง แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐล่าช้ากว่าที่คาด และความขัดแย้ง เสถียรภาพทางการเมือง ที่อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยว โดยปีนี้คาดว่านักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มจก 24.7 ล้านคน เป็น 26.2 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ร้อยละ 4.3 โดยในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐจะต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย ส่งเสริมให้หน่วยงานราชการจัดการสัมมนาในประเทศ เพื่อกระจายงบประมาณสู่ภูมิภาค และส่งเสริมการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีกำลังซื้อสูง
ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินนั้น สามารถผ่อนคลายได้มากขึ้น เพราะอัตราเงินเฟ้อต่ำ อยู่ที่ร้อยละ 2.3-2.8