xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯเตรียมเยือน 3 ชาติแอฟริกา เชื่อมสัมพันธ์-เปิดตลาดการค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-2 สิงหาคมนี้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และเปิดตลาดไทยในภูมิภาคแอฟริกา
สำหรับการเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิกอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 28-29 กรกฎาคม ถือเป็นการเยือนประเทศแอฟริกาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทยในรอบ 8 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการลงทุนของไทยในอุตสาหกรรมอัญมณี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้นำภาคเอกชนไทยเข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีด้วย โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายอาร์มันโด เอมิลิโอ กูเอบูชา ประธานาธิบดีโมซัมบิก การลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 5 ฉบับ การหารือกับประธานรัฐสภาโมซัมบิก และพิธีส่งมอบรถบรรทุก รถตุ๊กตุ๊ก ปลานิลแดง และมุ้งเคลือบสารกันยุงให้แก่โมซัมบิก
ขณะที่การเยือนสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย เป็นการเยือนตามคำเชิญของนายจาคายา มริโช คิเควเต ประธานาธิบดีแทนซาเนีย และการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันเมื่อปี 2523 โดยมุ่งกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลแทนซาเนียและเสริมสร้างความร่วมมือ ในลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านวิชาการ และการพัฒนาศักยภาพในสาขาที่แทนซาเนียต้องการและไทยมีความเชี่ยวชาญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ และการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการอนุรักษ์สัตว์ป่า
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแทนซาเนีย การร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ การกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ไทยต่อแอฟริกาและ Thai-African Initiative และการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ
ส่วนการเยือนสาธารณรัฐยูกันดา เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายโยเวรี คากูทา มูเซเวนี ประธานาธิบดียูกันดา ภายหลังที่ประธานาธิบดียูกันดาเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
การเยือนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนา โดยภาคเอกชนไทยจะเข้าไปให้ความรู้ในสาขาที่ไทยเชี่ยวชาญ อาทิ การเกษตรกรรม การประมง และสาธารณสุข รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้า เศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อเป็นพื้นฐานในความร่วมมือระหว่างกันต่อไป
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะนำภาคเอกชนในสาขาต่างๆ ได้แก่ สาขาพลังงานทดแทน สาขาการก่อสร้าง สาขาการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาขาสิ่งทอ สาขาอัญมณีและเครื่องประดับ และสาขายานยนต์ ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานเพื่อแสวงหาลู่ทางการลงทุน รวมถึงการให้ความรู้ทางด้านวิชาการ ทั้งในสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น