นายธนิต โสรัตน์ รองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง การเติบโตยังคงติดลบอยู่ โดยคาดว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 4-4.5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 6.5 สะท้อนจากภาคการส่งออกช่วง 5 เดือนแรกของปี ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.8 จากที่ประเมินว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 7 โดยเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออก ติดลบสูงถึงร้อยละ 16.4 รวมไปถึง การบริโภคภาคประชาชน ที่มีการชะลอตัวค่อนข้างสูง สะท้อนจากตัวเลขหนี้สินครัวเรือน ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15.9 และสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านสถาบันการเงิน ขยายตัวสูงสุดถึงร้อยละ 25.8 ซึ่งหนี้สินส่วนใหญ่เกิดจากโครงการรถยนต์คันแรก
ทั้งนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศและเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงมาตรการต่างๆ หากมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลกระทบต่อการกระตุ้นและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายธนิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ยังขาดกลไกในการขับเคลื่อน ทั้งจากภาคส่งออกและนำเข้า ที่มีการเติบโตในอัตราที่ต่ำ ซึ่งภาครัฐควรจะเร่งหามาตรการและโครงการต่างๆ ที่ชัดเจน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอยางเป็นรูปธรรม ภายในสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศและเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงมาตรการต่างๆ หากมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลกระทบต่อการกระตุ้นและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายธนิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง ยังขาดกลไกในการขับเคลื่อน ทั้งจากภาคส่งออกและนำเข้า ที่มีการเติบโตในอัตราที่ต่ำ ซึ่งภาครัฐควรจะเร่งหามาตรการและโครงการต่างๆ ที่ชัดเจน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอยางเป็นรูปธรรม ภายในสิ้นเดือนนี้