นายไกรรวี ศิริกุล รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ สรุปภาพรวมการชี้แจงคดีปราสาทพระวิหารของฝ่ายไทยต่อศาลโลก ประเด็นหลักคือ ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาคำร้องของกัมพูชา และไทยกับกัมพูชาไม่เคยมีความขัดแย้งกันตลอดเวลา 50 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งไทยได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกเมื่อปี 2505 อย่างครบถ้วนถึงปัจจุบัน ทีมกฎหมายยังยกข้อมูลหักล้างฝ่ายกัมพูชาได้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2505 ไทยยอมรับคำพิพากษาของศาลโลก และนำรั้วลวดหนามล้อมบริเวณปราสาท เพื่อเป็นการกำหนดเขตแดนให้กัมพูชา ซึ่งทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และไทยได้เคลื่อนย้ายธงชาติพร้อมกับทหารออกจากพื้นที่ด้วย
ส่วนการนำเสนอข้อมูลเรื่องแผนที่ของทีมกฎหมาย เป็นไปอย่างแนบเนียน ยากที่กัมพูชาจะหาข้อมูลมาหักล้างได้ และประเด็นที่ผู้พิพากษาขอให้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องอาณาเขต เรื่องนี้ศาลอาจมองว่า สองฝ่ายมีเหตุผลอะไรสนับสนุนหลักฐานของตนเอง ซึ่งศาลย้ำว่าต้องเป็นหลักฐานที่เคยยื่นต่อศาลมาแล้ว ซึ่งไทยพร้อมเพราะว่า ศึกษาเรื่องแผนที่มานานหลายปี
ขณะที่การชี้แจงของฝ่ายกัมพูชาคืนนี้ ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ เพราะว่ากัมพูชาอ้างแต่เรื่องของแผนที่ภาคผนวก 1 หรือว่าแผนที่ 1 : 200,000 ให้ศาลตัดสิน
ส่วนการนำเสนอข้อมูลเรื่องแผนที่ของทีมกฎหมาย เป็นไปอย่างแนบเนียน ยากที่กัมพูชาจะหาข้อมูลมาหักล้างได้ และประเด็นที่ผู้พิพากษาขอให้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องอาณาเขต เรื่องนี้ศาลอาจมองว่า สองฝ่ายมีเหตุผลอะไรสนับสนุนหลักฐานของตนเอง ซึ่งศาลย้ำว่าต้องเป็นหลักฐานที่เคยยื่นต่อศาลมาแล้ว ซึ่งไทยพร้อมเพราะว่า ศึกษาเรื่องแผนที่มานานหลายปี
ขณะที่การชี้แจงของฝ่ายกัมพูชาคืนนี้ ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ เพราะว่ากัมพูชาอ้างแต่เรื่องของแผนที่ภาคผนวก 1 หรือว่าแผนที่ 1 : 200,000 ให้ศาลตัดสิน
