นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุผ่านข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ที่บัญญัติไว้ว่า การใช้จ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายจ่ายเงินแผ่นดิน 4 ฉบับคือ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย วิธีการงบประมาณ โอนงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ที่บัญญัติว่า เงินรายได้ของหน่วยงานรัฐที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ให้หน่วยงานนั้นทำรายงานรายรับ-รายจ่ายเสนอคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต้องเสนอรัฐสภา รวมถึงการใช้จ่ายต้องอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินและการคลังตามรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการพิจารณารายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นการกู้เงินมากกว่าการกู้จากไอเอ็มเอฟของรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถึง 4 เท่า และมีระยะเวลาการชำระหนี้นานถึง 50 ปี แต่กระทรวงการคลังอ้างว่า หนี้สาธารณะจะไม่เกินร้อยละ 50 ของจีดีพี ซึ่งจากการวิเคราะห์จากนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหนี้สาธารณะจะพุ่งเกินร้อยละ 50 แน่นอน และจะทำให้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการกู้เงินลงทุนก้อนสุดท้ายของประเทศไทย เพราะประเทศไทย จะไม่สามารถกู้เงินได้อีก
ขณะที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการพิจารณารายละเอียดร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นการกู้เงินมากกว่าการกู้จากไอเอ็มเอฟของรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถึง 4 เท่า และมีระยะเวลาการชำระหนี้นานถึง 50 ปี แต่กระทรวงการคลังอ้างว่า หนี้สาธารณะจะไม่เกินร้อยละ 50 ของจีดีพี ซึ่งจากการวิเคราะห์จากนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหนี้สาธารณะจะพุ่งเกินร้อยละ 50 แน่นอน และจะทำให้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท จะเป็นการกู้เงินลงทุนก้อนสุดท้ายของประเทศไทย เพราะประเทศไทย จะไม่สามารถกู้เงินได้อีก