คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้าพูดคุยกับชาวโรฮิงญา ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส เพื่อนำข้อมูลไปหารือกับกระทรวงต่างๆ และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ในวันที่ 28 มกราคมนี้ ก่อนหาแนวทางช่วยเหลือชาวโรฮิงญาในประเทศไทย
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เปิดเผยว่า รัฐบาลควรหารือปัญหาชาวโรฮิงญากับกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งพม่าเป็นสมาชิกอยู่ด้วย แต่หากรัฐบาลยืนยันว่าต้องส่งชาวโรฮิงญากลุ่มนี้กลับพม่า ก็ควรมีหลักประกันว่าพม่าจะไม่ทำร้าย หรือทารุณกรรมชาวโรฮิงญา
ขณะที่ศูนย์รับดูแลชาวโรฮิงญาอพยพใน จ.สงขลา ขณะนี้ประสบปัญหาการสื่อสารกับชาวโรฮิงญา ทำให้ไม่สามารถรับรู้ความต้องการและความเดือดร้อน จึงต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดหาล่ามประจำศูนย์ เพื่อช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม
นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล นักวิชาการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า องค์กรมุสลิมและภาคประชาสังคมเห็นว่าไม่ควรส่งชาวโรฮิงญากลับประเทศ และต้องการให้อาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศ กดดันพม่าให้ยอมรับชาวโรฮิงญาเป็นพลเมือง
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้พยายามโยงชาวโรฮิงญาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มสร้างสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ชาวโรฮิงญาอยู่ในสถานะผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ใช่ผู้หนีภัยการสู้รบ ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติ ต้องส่งกลับประเทศต้นทางทันที ส่วนจะจัดตั้งศูนย์พักพิงหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยยืนยันว่า รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่มีปัญหาขัดแย้ง แต่เห็นว่าควรให้การดูแลระยะหนึ่ง และหาทางส่งกลับประเทศต้นทาง หรือประเทศที่สาม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านต่างๆ
ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาชาวโรฮิงญาเข้าประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า หากพบทหารมีส่วนในเรื่องนี้ ก็จะต้องลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เปิดเผยว่า รัฐบาลควรหารือปัญหาชาวโรฮิงญากับกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งพม่าเป็นสมาชิกอยู่ด้วย แต่หากรัฐบาลยืนยันว่าต้องส่งชาวโรฮิงญากลุ่มนี้กลับพม่า ก็ควรมีหลักประกันว่าพม่าจะไม่ทำร้าย หรือทารุณกรรมชาวโรฮิงญา
ขณะที่ศูนย์รับดูแลชาวโรฮิงญาอพยพใน จ.สงขลา ขณะนี้ประสบปัญหาการสื่อสารกับชาวโรฮิงญา ทำให้ไม่สามารถรับรู้ความต้องการและความเดือดร้อน จึงต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดหาล่ามประจำศูนย์ เพื่อช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม
นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล นักวิชาการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า องค์กรมุสลิมและภาคประชาสังคมเห็นว่าไม่ควรส่งชาวโรฮิงญากลับประเทศ และต้องการให้อาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศ กดดันพม่าให้ยอมรับชาวโรฮิงญาเป็นพลเมือง
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้พยายามโยงชาวโรฮิงญาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มสร้างสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ชาวโรฮิงญาอยู่ในสถานะผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ไม่ใช่ผู้หนีภัยการสู้รบ ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติ ต้องส่งกลับประเทศต้นทางทันที ส่วนจะจัดตั้งศูนย์พักพิงหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยยืนยันว่า รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่มีปัญหาขัดแย้ง แต่เห็นว่าควรให้การดูแลระยะหนึ่ง และหาทางส่งกลับประเทศต้นทาง หรือประเทศที่สาม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านต่างๆ
ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาชาวโรฮิงญาเข้าประเทศ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า หากพบทหารมีส่วนในเรื่องนี้ ก็จะต้องลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา