พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือและมาตรการป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองของชาวมุสลิมโรฮิงญา หลังจากที่มีชาวมุสลิมโรฮิงญาจำนวนประมาณ 800 คน ได้รับการช่วยเหลือระหว่างถูกนำมาพักพิงไว้ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า หลังจากที่ได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติไปเมื่อวานนี้ มาตรการการช่วยเหลือนั้นจะทำตามนโยบายที่วางไว้ตั้งแต่ปี 2552 โดยการดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองนั้น ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 แต่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักสากลและด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะเด็ก สตรีที่พบว่ามีจำนวนมาก
ขณะที่การแก้ปัญหาระยะยาว ต้องสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มข้น พร้อมประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทางและประเทศที่ 3 ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น มีความประสงค์จะเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนโยบายระยะยาวจะไม่มีการผลักดันประเทศต้นทาง
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีด้วยว่า ตามรายงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยกำลังสืบสวนว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ แต่ข้อหาหลักคือการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ได้คัดแยกให้เด็ก ผู้หญิง และคนชรา ออกจากกลุ่ม เพื่อให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ จ.สงขลา ดูแล ส่วนเพศชายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ของ จ.สงขลา ดูแล เนื่องจากมีจำนวนค่อนข้างมาก
ขณะที่การแก้ปัญหาระยะยาว ต้องสกัดกั้นการหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มข้น พร้อมประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทางและประเทศที่ 3 ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น มีความประสงค์จะเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนโยบายระยะยาวจะไม่มีการผลักดันประเทศต้นทาง
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีด้วยว่า ตามรายงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง โดยกำลังสืบสวนว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ แต่ข้อหาหลักคือการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ได้คัดแยกให้เด็ก ผู้หญิง และคนชรา ออกจากกลุ่ม เพื่อให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ จ.สงขลา ดูแล ส่วนเพศชายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ของ จ.สงขลา ดูแล เนื่องจากมีจำนวนค่อนข้างมาก