ยูบีเอส แบงก์ยักษ์สัญชาติสวิส ยินยอมจ่ายค่าปรับ 1,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 46,500 ล้านบาท) ให้ผู้คุมกฎในสหรัฐฯ อังกฤษ และสวิส โดยยอมรับว่าฉ้อโกง ติดสินบนโบรกเกอร์ และมีพนักงานนับสิบปั่นอัตราดอกเบี้ย “ไลบอร์” (LIBOR) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของโลกอย่าง “โจ๋งครึ่ม”
ค่าปรับนี้มีมูลค่ามากกว่าที่ธนาคารบาร์เคลย์ของอังกฤษจ่ายสำหรับความผิดกรณีปั่นดอกเบี้ยไลบอร์เช่นเดียวกันถึงกว่า 3 เท่า และนับเป็นค่าปรับมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ที่วงการธนาคารของโลกเคยจ่ายมา โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอชเอสบีซี แบงก์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ ซึ่งมีกิจการจำนวนมากในแถบเอเชีย เพิ่งตกลงจ่ายเงิน 1,920 ล้านดอลลาร์ เพื่อรอมชอมยอมความคดีฟอกเงินในอเมริกา
ความเคลื่อนไหวคราวล่าสุดนี้ ถือเป็นคลื่นยักษ์อีกระลอกที่โหมใส่แบงก์ใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ ซึ่งกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งปัญหาอย่างยาวนานมา 18 เดือน จากการขาดทุนถึง 2,300 ล้านดอลลาร์จากเรื่องอื้อฉาวในการฉ้อโกงการซื้อขาย การยกเครื่องฝ่ายบริหาร และการปลดพนักงานนับพันคน
ยูบีเอสแถลงเมื่อวันพุธ (19) ว่าจะจ่ายค่าปรับจากการกระทำผิดดังกล่าวข้างต้นที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2005-2010 ให้แก่กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ 1,200 ล้านดอลลาร์, 160 ล้านปอนด์ให้แก่สำนักงานบริการการเงินของสหราชอาณาจักร (เอฟเอสเอ) และ 59 ล้านฟรังก์สวิสให้แก่ฟินมา หน่วยงานกำกับตรวจสอบภาคการเงินการธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์
ค่าปรับนี้มีมูลค่ามากกว่าที่ธนาคารบาร์เคลย์ของอังกฤษจ่ายสำหรับความผิดกรณีปั่นดอกเบี้ยไลบอร์เช่นเดียวกันถึงกว่า 3 เท่า และนับเป็นค่าปรับมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ที่วงการธนาคารของโลกเคยจ่ายมา โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอชเอสบีซี แบงก์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ ซึ่งมีกิจการจำนวนมากในแถบเอเชีย เพิ่งตกลงจ่ายเงิน 1,920 ล้านดอลลาร์ เพื่อรอมชอมยอมความคดีฟอกเงินในอเมริกา
ความเคลื่อนไหวคราวล่าสุดนี้ ถือเป็นคลื่นยักษ์อีกระลอกที่โหมใส่แบงก์ใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ ซึ่งกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งปัญหาอย่างยาวนานมา 18 เดือน จากการขาดทุนถึง 2,300 ล้านดอลลาร์จากเรื่องอื้อฉาวในการฉ้อโกงการซื้อขาย การยกเครื่องฝ่ายบริหาร และการปลดพนักงานนับพันคน
ยูบีเอสแถลงเมื่อวันพุธ (19) ว่าจะจ่ายค่าปรับจากการกระทำผิดดังกล่าวข้างต้นที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2005-2010 ให้แก่กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ 1,200 ล้านดอลลาร์, 160 ล้านปอนด์ให้แก่สำนักงานบริการการเงินของสหราชอาณาจักร (เอฟเอสเอ) และ 59 ล้านฟรังก์สวิสให้แก่ฟินมา หน่วยงานกำกับตรวจสอบภาคการเงินการธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์