นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนา "หนี้สาธารณะ : ระเบิดเวลา หรือยากระตุ้นเศรษฐกิจ" ว่า หนี้สาธารณะของประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 44 ของจีดีพี บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อยู่ที่ร้อยละ 102 สหรัฐฯ ร้อยละ 100 ดังนั้น ตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศจะสูงหรือต่ำนั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เพราะหนี้ทั้งหมด 4.9 ล้านล้านบาท อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของรัฐบาล ที่กู้มาโดยตรง 2.3 ล้านล้านบาท ที่เหลือ 1 ล้านล้านบาท เป็นการค้ำประกันเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินของรัฐ และภาระหนี้กองทุนฟื้นฟู ยังถือว่าต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลัง ร้อยละ 60 ของจีดีพี และอยู่ในสถานะที่รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ เพราะภาระหนี้ต่องบประมาณกำหนดกรอบไว้ ไม่ให้เกินร้อยละ 15 ขณะที่ปัจจุบันการชำระหนี้มีภาระต่องบประมาณเพียงร้อยละ 5-6 ต่อปี
อีกทั้งเมื่อรัฐบาล พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ ระบบราง จะสามารถลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ จากร้อยละ 18 ลงต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 ยันช่วง 10 ปีข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาการกู้เงิน และยังไม่ใช่ระเบิดเวลาตามที่หลายฝ่ายกังวล
ส่วนโครงการรับจำนำข้าว ยอมรับว่ามีขาดทุนอยู่บ้าง อาจจะส่งผลให้หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 50 แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีทางออกในการบริหารจัดการ และเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม
ทางด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ได้ประเมินหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า หากเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 และนำผลลบจากการจำนำข้าวมารวมด้วย จะทำให้หนี้สาธารณะปี 2562 สูงถึงร้อยละ 65 โดยเป็นห่วงความเสี่ยงทางการคลังจากการใช้จ่ายของรัฐ เพิ่มเร็วกว่ารายได้ที่มุ่งไปในโครงการประชานิยม และดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ รวมไปถึงโครงการสังคมถ้วนหน้า ที่ต้องการใช้เงินเพิ่มอีก 3 แสนล้านบาท จึงต้องบริหารจัดการให้รอบคอบ
อีกทั้งเมื่อรัฐบาล พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ ระบบราง จะสามารถลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ จากร้อยละ 18 ลงต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 ยันช่วง 10 ปีข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาการกู้เงิน และยังไม่ใช่ระเบิดเวลาตามที่หลายฝ่ายกังวล
ส่วนโครงการรับจำนำข้าว ยอมรับว่ามีขาดทุนอยู่บ้าง อาจจะส่งผลให้หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 50 แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีทางออกในการบริหารจัดการ และเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม
ทางด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ได้ประเมินหนี้สาธารณะต่อจีดีพีในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า หากเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 และนำผลลบจากการจำนำข้าวมารวมด้วย จะทำให้หนี้สาธารณะปี 2562 สูงถึงร้อยละ 65 โดยเป็นห่วงความเสี่ยงทางการคลังจากการใช้จ่ายของรัฐ เพิ่มเร็วกว่ารายได้ที่มุ่งไปในโครงการประชานิยม และดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ รวมไปถึงโครงการสังคมถ้วนหน้า ที่ต้องการใช้เงินเพิ่มอีก 3 แสนล้านบาท จึงต้องบริหารจัดการให้รอบคอบ
