ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนานโยบายจำนำข้าว ซึ่งจัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สถาบันอิสรา และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการรับจำนำข้าวอย่างเร่งด่วน โดยอาจปรับวิธีการช่วยเหลือเกษตรกร หรือผสมผสานการประกันรายได้เกษตรกร หลังประเมินตัวเลขการใช้จ่ายงบประมาณ และความเสี่ยงจากการระบายข้าวแล้วขาดทุน โดยการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในปีการผลิต 2554/2555 อาจขาดทุนไม่น้อยกว่า 140,000 ล้านบาท และปีการผลิตนี้อาจขาดทุนมากขึ้นกว่า 210,000 ล้านบาท ดังนั้น หากรัฐบาลยืนกรานดำเนินโครงการโดยไม่ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใดๆ อาจทำให้รัฐบาลขาดทุนและสร้างความเสียหายต่อประเทศ คิดเป็นเงินมากกว่า 1.26 ล้านล้านบาท ภายในปี 2562
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า ความเสียหายดังกล่าวส่งผลให้หนี้สาธารณะของไทย เมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 44 อาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61-65.8 ในปี 2562
ขณะที่นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณทีดีอาร์ไอ ย้ำว่า ปัญหาหนี้สาธารณะสูง แต่ขาดความชัดเจนในการแสวงหารายได้ของรัฐ ทำให้คนไทยอาจเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับกรีซ ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวมีแต่ชาวนารวย หรือเกษตรกรที่มีนาเป็นจำนวนมาก โรงสี นักการเมือง รวมไปถึงประเทศคู่แข่งส่งออกข้าวไทย ทั้งเวียดนาม อินเดีย กัมพูชา ได้รับผลประโยชน์ ส่วนผู้เสียประโยชน์ก็คือชาวนาส่วนใหญ่ และผู้เสียภาษีทั้งประเทศ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า ความเสียหายดังกล่าวส่งผลให้หนี้สาธารณะของไทย เมื่อเทียบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 44 อาจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61-65.8 ในปี 2562
ขณะที่นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณทีดีอาร์ไอ ย้ำว่า ปัญหาหนี้สาธารณะสูง แต่ขาดความชัดเจนในการแสวงหารายได้ของรัฐ ทำให้คนไทยอาจเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับกรีซ ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวมีแต่ชาวนารวย หรือเกษตรกรที่มีนาเป็นจำนวนมาก โรงสี นักการเมือง รวมไปถึงประเทศคู่แข่งส่งออกข้าวไทย ทั้งเวียดนาม อินเดีย กัมพูชา ได้รับผลประโยชน์ ส่วนผู้เสียประโยชน์ก็คือชาวนาส่วนใหญ่ และผู้เสียภาษีทั้งประเทศ