ASTVผู้จัดการรายวัน-“หม่อมอุ๋ย”ไล่ส่งรัฐบาล ทำโครงการจำนำเจ๊งแล้วยังหน้าด้านอยู่ต่อ เผยหากดันทุรัง หนี้สาธารณะเพิ่มเป็น 61% ต่อจีดีพีแน่ “นิพนธ์”ชี้คลังเองก็ออกมาเตือน รัฐกำลังถังแตก ย้อนถาม”พาณิชย์”รับข้าวไว้หมด ไฉนราคาไม่ขึ้น จับตาข้าวแลกรถไฟจีน มีคนจ้องฟันหัวคิว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “ข้าว ชาวนา นักการเมือง และประเทศชาติ ใครได้ใครเสีย?” วานนี้ (12 พ.ย.) ว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีแต่ขาดทุน ปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณข้าวเข้าโครงการ 21.95 ล้านตัน ขาดทุน 1.4 แสนล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มเป็น 47.8% ของจีดีพีประเทศ และปีหน้า ตั้งเป้ามีข้าวเข้าโครงการ 33 ล้านตัน หนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงถึง 61% ของจีดีพีในปี 2562
”เป็นผม ถ้าบริหารประเทศ หรือทำโครงการอะไรแล้วขาดทุนมากขนาดนี้ คงลาออกไปแล้ว แต่กลับไม่อาย เอาสีข้างถูไปเรื่อย และยิ่งทำต่อ รัฐจะขาดทุนมากขึ้นๆ จนอาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนและค่าเงินบาท พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าคนมีสติดี ตรึกตรองดูก็รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวแล้วไม่ต่ำกว่า 1.73 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินตกอยู่กับชาวนาเพียง 1.1 แสนล้านบาท หรือประมาณ 64% ของวงเงินทั้งหมด ที่เหลือกระจายไปในส่วนของโรงสี 2.3 หมื่นล้านบาท โกดัง 2,313 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมคุณภาพของข้าว 10,482 ล้านบาท
ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้กับสถาบันการเงิน 14,454 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ารัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณไม่มีเงิน โดยกระทรวงการคลังมีหนังสือออกมาว่า ในปีหน้าวงเงินค้ำประกันจะอยู่ที่ 4.8 แสนล้านบาท โดยมีเงินให้รองรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2555/56 เพียง 1-1.4 แสนล้านบาท จากเดิมต้องใช้ถึง 3 แสนล้านบาท ทำให้กังวลว่าจะเป็นภาระกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการหาวงเงินส่วนที่เหลือ
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า ราคาข้าวในประเทศไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งๆ ที่ข้าวไปอยู่ในมือรัฐบาลหมดแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีการนำข้าวในโกดังออกมาขายในประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจงตัวเลขว่ามีข้าวเหลืออยู่ในโกดังจริงๆ เท่าไร ขายออกไปแล้วเท่าไร และต้องอธิบายด้วยว่า ทำไมราคาข้าวในประเทศไม่สูงขึ้น
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า ส่วนการรับจำนำข้าวของไทยผิดกฎองค์การการค้าโลก (WTO) แน่นอน เพราะใช้วงเงินเกินที่กำหนดไว้ ส่วนการขายข้าวราคาต่ำกว่าตลาด ไม่ใช่ประเด็นหลัก อยู่ที่ว่าไทยจะขายต่ำกว่าราคาตลาดโลกหรือเปล่า เพราะหากต่ำกว่า ก็ถือว่าเป็นการทุ่มตลาด แต่ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้สาธารณชนรับทราบเลย
และไม่เชื่อว่าคู่แข่งจะรวมตัวกันฟ้อง เพราะทั้งเวียดนามและอินเดียต่างได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวของไทย ยกเว้นสหรัฐฯ ที่อาจจะฟ้อง
ส่วนแผนการขายข้าวแบบบาร์เทอร์เทรดกับจีนด้วยการแลกข้าวกับรถไฟนั้น ต้องระวัง เพราะจะมีผู้ได้ประโยชน์จากการเป็นนายหน้าทั้งฝั่งจีนและฝั่งไปไทย จากการขายข้าวของไทยและขายรถไฟของจีน เนื่องจากผู้ซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์อยากซื้อในราคาถูก สำหรับจีนผู้ซื้อข้าวจากไทยก็อยากได้ราคาถูก จึงคาดว่าจะมีผู้รับประโยชน์หากมีแผนการซื้อในลักษณะดังกล่าว
ขณะที่นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวไม่ได้เป็นการอุดหนุน และขัดต่อข้อตกลง WTO เพราะการที่จะเข้าข่ายใช้เงินอุดหนุนหมายความว่ารัฐบาลต้องเข้าไปซื้อข้าวจากชาวนาราคาแพงและมาส่งออกราคาถูกต่ำกว่าตลาด จนประเทศผู้ส่งออกอื่นเดือดร้อน แต่ในโครงการจำนำที่รัฐบาลทำในขณะนี้ รัฐบาลเข้าไปซื้อข้าวแพงและก็นำกลับมาขายส่งออกในราคาแพงเช่นกัน เพื่อต้องการยกระดับราคาข้าว และคุณภาพชีวิตชาวนาให้สูงขึ้น และทุกประเทศที่ขายข้าวก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวของไทยในปีหน้าขึ้นอยู่กับการระบายข้าวของรัฐบาลว่าจะออกมามากน้อยแค่ไหน เพราะหากระบายออกมาในราคาต่ำกว่าราคาส่งออกก็คาดว่าจะมีการส่งออกได้ถึง 8-8.5 ล้านตันตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ แต่หมายความว่ารัฐบาลต้องยอมขายขาดทุนไม่ต่ำกว่าตันละ 1 หมื่นบาท เพื่อให้แข่งขันราคากับเวียดนามที่ขายอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ไทยขาย 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาเรื่อง “ข้าว ชาวนา นักการเมือง และประเทศชาติ ใครได้ใครเสีย?” วานนี้ (12 พ.ย.) ว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีแต่ขาดทุน ปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณข้าวเข้าโครงการ 21.95 ล้านตัน ขาดทุน 1.4 แสนล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มเป็น 47.8% ของจีดีพีประเทศ และปีหน้า ตั้งเป้ามีข้าวเข้าโครงการ 33 ล้านตัน หนี้สาธารณะจะเพิ่มสูงถึง 61% ของจีดีพีในปี 2562
”เป็นผม ถ้าบริหารประเทศ หรือทำโครงการอะไรแล้วขาดทุนมากขนาดนี้ คงลาออกไปแล้ว แต่กลับไม่อาย เอาสีข้างถูไปเรื่อย และยิ่งทำต่อ รัฐจะขาดทุนมากขึ้นๆ จนอาจกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนและค่าเงินบาท พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าคนมีสติดี ตรึกตรองดูก็รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวแล้วไม่ต่ำกว่า 1.73 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินตกอยู่กับชาวนาเพียง 1.1 แสนล้านบาท หรือประมาณ 64% ของวงเงินทั้งหมด ที่เหลือกระจายไปในส่วนของโรงสี 2.3 หมื่นล้านบาท โกดัง 2,313 ล้านบาท เป็นค่าเสื่อมคุณภาพของข้าว 10,482 ล้านบาท
ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้กับสถาบันการเงิน 14,454 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่ารัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณไม่มีเงิน โดยกระทรวงการคลังมีหนังสือออกมาว่า ในปีหน้าวงเงินค้ำประกันจะอยู่ที่ 4.8 แสนล้านบาท โดยมีเงินให้รองรับจำนำข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2555/56 เพียง 1-1.4 แสนล้านบาท จากเดิมต้องใช้ถึง 3 แสนล้านบาท ทำให้กังวลว่าจะเป็นภาระกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการหาวงเงินส่วนที่เหลือ
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า ราคาข้าวในประเทศไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งๆ ที่ข้าวไปอยู่ในมือรัฐบาลหมดแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีการนำข้าวในโกดังออกมาขายในประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจงตัวเลขว่ามีข้าวเหลืออยู่ในโกดังจริงๆ เท่าไร ขายออกไปแล้วเท่าไร และต้องอธิบายด้วยว่า ทำไมราคาข้าวในประเทศไม่สูงขึ้น
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า ส่วนการรับจำนำข้าวของไทยผิดกฎองค์การการค้าโลก (WTO) แน่นอน เพราะใช้วงเงินเกินที่กำหนดไว้ ส่วนการขายข้าวราคาต่ำกว่าตลาด ไม่ใช่ประเด็นหลัก อยู่ที่ว่าไทยจะขายต่ำกว่าราคาตลาดโลกหรือเปล่า เพราะหากต่ำกว่า ก็ถือว่าเป็นการทุ่มตลาด แต่ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงให้สาธารณชนรับทราบเลย
และไม่เชื่อว่าคู่แข่งจะรวมตัวกันฟ้อง เพราะทั้งเวียดนามและอินเดียต่างได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวของไทย ยกเว้นสหรัฐฯ ที่อาจจะฟ้อง
ส่วนแผนการขายข้าวแบบบาร์เทอร์เทรดกับจีนด้วยการแลกข้าวกับรถไฟนั้น ต้องระวัง เพราะจะมีผู้ได้ประโยชน์จากการเป็นนายหน้าทั้งฝั่งจีนและฝั่งไปไทย จากการขายข้าวของไทยและขายรถไฟของจีน เนื่องจากผู้ซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์อยากซื้อในราคาถูก สำหรับจีนผู้ซื้อข้าวจากไทยก็อยากได้ราคาถูก จึงคาดว่าจะมีผู้รับประโยชน์หากมีแผนการซื้อในลักษณะดังกล่าว
ขณะที่นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าวไม่ได้เป็นการอุดหนุน และขัดต่อข้อตกลง WTO เพราะการที่จะเข้าข่ายใช้เงินอุดหนุนหมายความว่ารัฐบาลต้องเข้าไปซื้อข้าวจากชาวนาราคาแพงและมาส่งออกราคาถูกต่ำกว่าตลาด จนประเทศผู้ส่งออกอื่นเดือดร้อน แต่ในโครงการจำนำที่รัฐบาลทำในขณะนี้ รัฐบาลเข้าไปซื้อข้าวแพงและก็นำกลับมาขายส่งออกในราคาแพงเช่นกัน เพื่อต้องการยกระดับราคาข้าว และคุณภาพชีวิตชาวนาให้สูงขึ้น และทุกประเทศที่ขายข้าวก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวของไทยในปีหน้าขึ้นอยู่กับการระบายข้าวของรัฐบาลว่าจะออกมามากน้อยแค่ไหน เพราะหากระบายออกมาในราคาต่ำกว่าราคาส่งออกก็คาดว่าจะมีการส่งออกได้ถึง 8-8.5 ล้านตันตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ แต่หมายความว่ารัฐบาลต้องยอมขายขาดทุนไม่ต่ำกว่าตันละ 1 หมื่นบาท เพื่อให้แข่งขันราคากับเวียดนามที่ขายอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ไทยขาย 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน
