พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากญาติของหญิงสัญชาติพม่าอายุ 19 ปี 2 คนว่า ถูกนายวัน และนางไพรินทร์ สัญชาติพม่า นางแก้ว ลุงสุก และนายชรินทร์ เลาประเสริฐศิริ ชาวไทย ร่วมกันหลอกไปทำงานตัดเย็บเสื้อผ้าย่านบางขุนเทียน แต่กลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีในสถานบริการแห่งหนึ่ง ย่านพระรามเก้า พร้อมให้หาเงินมาให้คนละ 50,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม ผู้ต้องหาจึงโทรศัพท์ไปเรียกค่าไถ่จากพี่สาวของผู้เสียหาย แต่พี่สาวได้แจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายทั้ง 2 คนได้
นอกจากนี้ ปคม.ยังประสานงานตำรวจประเทศโอมาน ให้จับกุม น.ส.ไอศิกา เคางาม ผู้ต้องหาที่ร่วมกับหญิงชาวจีน เปิดร้านนวดแผนไทยบังหน้า ในกรุงมัสกัต เพื่อหลอกลวงบังคับหญิงไทยไปค้าประเวณี ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่า จะให้ทำงานเป็นพนักงานร้านนวดแผนไทยในประเทศโอมาน มีรายได้เดือนละประมาณ 100,000 บาท จึงหลงเชื่อ แต่เมื่อไปถึงที่ร้านได้ถูกบังคับให้ค้าประเวณีวันละ10-15 ครั้ง
ขณะที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ และเปิดธุรกิจนวดแผนไทยในประเทศโอมาจริง แต่ไม่ได้บังคับให้ผู้เสียหายค้าประเวณีอย่างที่ถูกกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อร่วมกันค้ามนุษย์
นอกจากนี้ มูลนิธิปวีณายังให้การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศอินโดนีเซีย บาห์เรน และแอฟริกาใต้ รวม 14 คน ทั้งหมดได้ประสานผ่านทางมูลนิธิฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ ภายหลังถูกส่งตัวไปค้าประเวณี และกำลังถูกส่งตัวไปประเทศที่ 3 จึงประสานงานตำรวจสากลเข้าช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ปคม.ยังประสานงานตำรวจประเทศโอมาน ให้จับกุม น.ส.ไอศิกา เคางาม ผู้ต้องหาที่ร่วมกับหญิงชาวจีน เปิดร้านนวดแผนไทยบังหน้า ในกรุงมัสกัต เพื่อหลอกลวงบังคับหญิงไทยไปค้าประเวณี ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่า จะให้ทำงานเป็นพนักงานร้านนวดแผนไทยในประเทศโอมาน มีรายได้เดือนละประมาณ 100,000 บาท จึงหลงเชื่อ แต่เมื่อไปถึงที่ร้านได้ถูกบังคับให้ค้าประเวณีวันละ10-15 ครั้ง
ขณะที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ และเปิดธุรกิจนวดแผนไทยในประเทศโอมาจริง แต่ไม่ได้บังคับให้ผู้เสียหายค้าประเวณีอย่างที่ถูกกล่าวหา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อร่วมกันค้ามนุษย์
นอกจากนี้ มูลนิธิปวีณายังให้การช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศอินโดนีเซีย บาห์เรน และแอฟริกาใต้ รวม 14 คน ทั้งหมดได้ประสานผ่านทางมูลนิธิฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ ภายหลังถูกส่งตัวไปค้าประเวณี และกำลังถูกส่งตัวไปประเทศที่ 3 จึงประสานงานตำรวจสากลเข้าช่วยเหลือ