ปคม.จับแก๊งเรียกค่าไถ่สาวพม่า ขู่พ่อแม่เหยื่อหากไม่ยอมจ่ายจะส่งตัวค้ากามสถานบริการย่านพระราม 9
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางแก้ว หรือป้าหญิง ลุงสุก อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/ช หมู่ 1 ต.ทุ่งข้าวพอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นายวัน ไม่มีนามสกุล อายุ 26 ปี ชาวพม่า นายชรินทร์ เลาประเสริฐศิริ อายุ 36 ปี อยู่เลขที่ 743/26 ถนนมังกร แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. และนางไพรินทร์ ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี ชาวพม่า ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยนายชรินทร์ และนางไพรินทร์ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในความผิดฐานเพื่อให้มาซึ่งค่าไถ่ เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีไปโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือวิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นางอุเทน (นามสมมติ) ชาวพม่า พนักงานโรงงานเย็บผ้าแห่งหนึ่งย่านบางขุนเทียน พี่สาวของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ผู้เสียหายชาวพม่า ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.บางขุนเทียน ว่า น.ส.เอถูกนายชรินทร์ และนางไพรินทร์ กักขังตัวไว้เรียกค่าไถ่ และหากต้องการให้ปล่อยตัวจะต้องนำเงิน 50,000 บาทไปจ่ายให้ทั้งสอง
ต่อมา พล.ต.ต.ชาญ พิมลศรี ผบก.น.7 ได้ประสานกับทาง บก.ปคม.วางแผนเข้าช่วยเหลือผู้เสียหายรายนี้ โดยนัดหมายกับผู้ต้องหาทั้งสองว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้ที่บริเวณถนนประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. กระทั่งเมื่อทั้งสองเดินทางมารับเงินตามนัด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนจะขยายผลสืบสวนติดตามจับกุมนางแก้ว และนายวัน ซึ่งร่วมกระทำความผิดได้ที่ตลาดเก้าแสน ถนนพุทธมณฑล สาย 5 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นห้องพักภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านพระราม 9 พบตัว น.ส.บี อายุ 19 ปี และ น.ส.มีนา อายุ 15 ปี (ทั้งสองนามสมมติ) ผู้เสียหายชาวพม่าอีก 2 รายซึ่งถูกหลอกลวงมาจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า จึงเข้าช่วยเหลือไว้ได้
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียหายทั้งหมดถูกนายวัน และนางแก้ว หลอกลวงมาจากประเทศพม่า โดยจะเข้าไปติดต่อกับพ่อแม่ของผู้เสียหาย อ้างว่ารู้จักกับเจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าชาวไทย ซึ่งกำลังต้องการหาลูกจ้างไปทำงานที่โรงงานดังกล่าว ก่อนจะชักชวนผู้เสียหายเดินทางเข้าประเทศไทยโดยเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดินทางให้ทั้งหมด แต่ภายหลังทั้งหมดกลับถูกกักขังตัวเรียกค่าไถ่ หากผู้ปกครองของผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายเงินให้ก็ขู่ว่าจะส่งตัวไปค้าประเวณีในสถานบริการย่านถนนพระราม 9
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้ข่มขู่ผู้เสียหาย เพียงแต่ต้องการเงินที่จ่ายเป็นค่าเดินทางให้กับผู้เสียหายเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้รู้จักกับผู้ปกครองของกลุ่มผู้เสียหายซึ่งต้องการให้ทั้งหมดเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป