xs
xsm
sm
md
lg

ปคม.จับเครือข่ายหลอกแรงงานไปค้ากามต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ปคม.เเถลงจับเครือข่ายหลอกแรงงานไปค้ากามต่างประเทศ
บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงแรงงานไทยไปค้ากามที่ประเทศโอมานโดยอ้างให้ไปทำงานนวดแผนไทย พอผู้เสียหายเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี


วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. แถลงข่าวจับกุม น.ส.ไอศิกา เคางาม หรือ มายด์ อายุ 32 ปี หุ้นส่วนร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่งในกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 3 ต.วัดธาตุ อ.เมือง จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1851/2555 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 55 ข้อหา ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับหญิงสาวผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกว่ามีงานนวดแผนไทยรายได้ดีที่ประเทศโอมานให้ทำ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ผู้เสียหายสาวอายุ 30 ปี ชาวกรุงเทพฯ โทรศัพท์ทางไกลจากประเทศโอมานมายัง บก.ปคม.เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงไปค้าประเวณีที่กรุงมัสกัต ตำรวจ ปคม.จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศช่วยเหลือออกมาได้ภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้นได้แจ้งความดำเนินคดีต่อขบวนการดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมามีการขออนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นนายหน้าได้แล้ว 2 คน คือ นางวรรณวิภา หรือณัฎฐ์ธยาน์ วัฒนาพงษากุล และนายพิบูลย์ ละภักดี หรือเจนนี่ ได้แล้วก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ชวลิต พร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้แถลงข่าวการช่วยเหลือหญิงไทย จำนวน 5 คน อายุ 24-34 ปี ชาวนนทบุรี สุโขทัย สระแก้ว และพะเยาซึ่งถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศอินโดนีเซียออกมาจากบ้านพักหลังหนึ่งกลางกรุงจาการ์ตา ซึ่งถูกใช้เป็นที่กักขังผู้เสียหายทั้งหมด โดยขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้มีชายชาวสิงคโปร์ และอินโดนีเซียอีก 2 คนเป็นตัวการ ซึ่งล่าสุดพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับชายชาวสิงคโปร์รายนี้แล้ว

จากการสอบสวนทราบว่า ชายชาวสิงคโปร์รายนี้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อมาชักชวนหญิงไทยไปทำงานนวดแผนไทยที่อินโดนีเซีย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับค้าประเวณีแต่หญิงไทยไม่ยอมจึงถูกแก๊งดังกล่าวเรียกค่าไถ่ตัวเป็นเงินคนละ 70,000 บาท ผู้เสียหายจึงแอบติดต่อญาติให้แจ้งมูลนิธิปวีณาฯ และตำรวจ ปคม.ให้การช่วยเหลือ ส่วนชาวอินโดนีเซียที่เหลืออยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาลต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น