xs
xsm
sm
md
lg

ปคม.รวบแม่เล้าลวงนักศึกษาสาวค้ากามที่บาห์เรน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางอินทิรา หรือปุ๋ย สินศักดิ์โค ผู้ต้องหาข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำผิดฐานค้ามนุษย์
ปคม.และนางปวีณา แถลงผลจับผู้ต้องหาพร้อมพวกที่ยังหลบหนีเป็นนายหน้าลวงนักศึกษาสาวบังคับค้าประเวณีที่บาห์เรน ชี้เป็นขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ มีสาวฉันทนาตกเป็นเหยื่อนับร้อยราย

วันนี้ (23 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม.พร้อมด้วย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงข่าวจับกุม นางอินทิรา หรือปุ๋ย สินศักดิ์โค อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1435/2555 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2555 ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำผิดฐานค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 1/21 หมู่ 1 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณาฯ ว่า มีมารดาของ น.ส.โอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหายที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างหางานทำ เข้าร้องเรียนว่าถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม - 6 มิถุนายนที่ผ่านมาต่อเนื่องกัน จึงมอบหมายให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปคม.ประสานไปยังตำรวจประเทศบาห์เรน เพื่อเข้าช่วยเหลือ น.ส.โอกลับประเทศไทย

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำ น.ส.โอทราบว่า ได้รับการชักชวนผ่านเพื่อนสาวที่รู้จักกัน อ้างว่ามีงานด้านการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ประเทศบาห์เรน ทำงาน 20 วันได้รับค่าตอบแทนจำนวน 50,000 บาท จึงหลงเชื่อ จากนั้นได้ติดต่อกับผู้ต้องหาและตกลงเดินทางไปพักที่รีสอร์ตบ้านสวน จ.นนทบุรี 2 วัน ก่อนจะเดินทางไปประเทศบาห์เรน แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกบังคับให้ค้าประเวณี โดยนางอินทิราอ้างว่า น.ส.โอเป็นหนี้อยู่ 80,000 บาท ระหว่างนั้นผู้เสียหายได้แอบใช้โทรศัพท์ติดต่อมารดา กระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือดังกล่าว

สอบสวนนางอินทิราให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่ารู้จักกับเพื่อนของผู้เสียหายที่แนะนำมาจึงเป็นผู้เปิดห้องที่รีสอร์ตดังกล่าวและช่วยเหลือเกี่ยวกับการพาเดินทางไปประเทศบาห์เรน แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับผู้เสียหายไปค้าประเวณีแต่อย่างใด

ด้าน นางปวีณากล่าวว่า การค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรนนั้น ผู้กระทำความผิดเป็นรูปของขบวนการข้ามชาติซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั้งในประเทศไทย และประเทศบาห์เรน โดยเครือข่ายที่อยู่ในประเทศบาห์เรนเป็นกลุ่มคนที่เคยถูกบังคับให้ไปค้าประเวณีมาก่อน จากนั้นจึงผันตัวมาเป็นธุระจัดหาหญิงสาวชาวไทยเพื่อไปค้าประเวณี ซึ่งตนอยากฝากไปถึงหญิงไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงาน หรือเรียกว่าไปขุดทองที่ประเทศดังกล่าว อย่าไปหลงเชื่อบุคคลใดว่าสามารถพาไปทำงานที่มีรายได้ดี เพราะนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงแล้วยังถูกยึดหนังสือเดินทางแล้วบังคับค้าประเวณี ด้วยการอ้างว่าติดหนี้หลายแสนบาท

นางปวีณากล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ทางตำรวจบาห์เรนเคยเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยในประเทศบาห์เรนกว่า 200 คนที่ถูกจำคุก ซึ่งเท่าที่ได้สอบถามเหยื่อเหล่านี้แล้วจึงทราบว่าส่วนใหญ่เป็นสาวฉันทนาที่มีหนี้สินติดตัว หรือบางส่วนก็ตกงานจึงถูกหลอกได้ง่าย สำหรับสภาพความเป็นอยู่ที่บาห์เรนนั้นพบว่าเป็นอพาร์ตเมนต์แออัด ห้องพักหนึ่งต้องอยู่ร่วมกันไม่ต่ำกว่า 10 คน นอกจากนี้ยังพบอีกว่าหญิงไทยถูกหลอกไปค้าประเวณี มีทั้งประเทศแอฟริกาใต้ มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานต่างๆ หลายฝ่าย ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์ เช่นที่แอฟริกาใต้ สามารถช่วยเหลือผู้เสียหายมาได้แล้ว 11 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสอบปากคำผู้เสียหายพบว่ายังมีผู้ต้องสงสัยที่ร่วมขบวนการค้ามนุษย์รายนี้อีก 2 รายเป็นสองสามีภรรยา โดยฝ่ายชายเป็นชาวบาห์เรน และผู้หญิงไทย ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน บก.ปคม.อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น