ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 18 ปี น.ส.ตอฮาเราะ เจะลง ชาวนราธิวาส พาเด็กหนีออกจากบ้านเพื่อเรียกค่าไถ่และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา แต่คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลย 9 ปี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (5 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีอ.4899/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ตอฮาเราะ หรือทราย เจะลง อายุ 24 ปี อาชีพรับจ้าง ชาว จ.นราธิวาส เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยไม่มีเหตุอันควร, เรียกค่าไถ่และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ตามคำฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2554
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3-6 ก.ย. 2554 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้พราก ด.ช.แบงก์ (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบไปจากบิดา ซึ่งคบหาฉันท์ชู้สาวกับจำเลย โดยได้พาด.ช.แบ็งค์ ออกจากห้องพักเลขที่ 1305 อาคารเอโอเอ อพาทต์เม้นต์ ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตกะปิ ไปพักที่โรงแรมบางแสนรีสอร์ท จ.ชลบุรี จากนั้นได้ส่งข้อความถึงบิดาของ ดช.แบงก์ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 300,000 บาท เพื่อชำระหนี้ และเป็นการแลกตัว ด.ช.แบงก์ โดยบิดาผู้เสียหายได้โอนเงินจำนวน 80,000 บาทเข้าบัญชีจำเลย จากนั้นบิดา ด.ช.แบงก์ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ติดตามจับกุมจำเลยได้พร้อม ด.ช.แบงก์และเงินจำนวน 21,000 บาทที่ได้จากการเรียกค่าไถ่ จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้ว พยานโจทก์ประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่จำเลยพาลูกชายออกจากบ้านแล้วส่งข้อความเรียกค่าไถ่ โดยพยานโจทก์ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน หรือจะเบิกความให้ร้ายหรือสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เชื่อจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรก, 313 วรรคแรก, 317 เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ จำคุก 15 ปี, ฐานพรากเด็กไม่เกิน 15 ปี ไปโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี รวมจำคุกจำเลย 18 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกจำเลย 9 ปี