นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทสไทย กล่าวในงานเสวนาวิชาการ เรื่อง เศรษฐกิจและตลาดทุนไทยในยุค AEC ถึงการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (Trans Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) ว่า เท่าที่ศึกษาพบว่าบางเรื่องไทยได้เปรียบ และเสียเปรียบ ซึ่งทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงภาพรวมให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยจะต้องศึกษาเพิ่มเติม และต้องพิจารณาว่าการเข้าร่วม TPP จะสามารถเชื่อมโยงกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าการเปิด AEC จะเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคได้มากกว่า เพราะมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียง และมีความยืดหยุ่น
แต่ในส่วนของ TPP มีข้อแตกต่างด้านขนาดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการเงินที่จะมีการเปิดเสรีมากขึ้น สถาบันการเงินไทยที่ยังแข็งแกร่งน้อยกว่าสถาบันการเงินของสหรัฐฯ หากมีการเจรจา TPP ข้อจำกัดของการพัฒนาอาจเป็นอุปสรรคได้ โดยเฉพาะหากออกไปแข่งขันในต่างประเทศ เพราะไทยยังมีข้อเสียเปรียบด้านฐานเงินทุน
นอกจากนี้ ยังต้องดูแลทั้งด้านความมั่นคง และเสถียรภาพทางการเงิน และเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย
ส่วนความพร้อมของสถาบันการเงินไทยในการเปิด AEC ขณะนี้ธนาคารกลางแต่ละประเทศในอาเซียน กำลังหารือร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่จะดำเนินกิจการในประเทศสมาชิกอื่น โดยเชื่อว่าในปี 2557-2558 จะเริ่มมีสถาบันการเงินไทยเข้าไปจัดธนาคารในอาเซียนได้ก่อนเป้า ในปี 2563
แต่ในส่วนของ TPP มีข้อแตกต่างด้านขนาดเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการเงินที่จะมีการเปิดเสรีมากขึ้น สถาบันการเงินไทยที่ยังแข็งแกร่งน้อยกว่าสถาบันการเงินของสหรัฐฯ หากมีการเจรจา TPP ข้อจำกัดของการพัฒนาอาจเป็นอุปสรรคได้ โดยเฉพาะหากออกไปแข่งขันในต่างประเทศ เพราะไทยยังมีข้อเสียเปรียบด้านฐานเงินทุน
นอกจากนี้ ยังต้องดูแลทั้งด้านความมั่นคง และเสถียรภาพทางการเงิน และเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย
ส่วนความพร้อมของสถาบันการเงินไทยในการเปิด AEC ขณะนี้ธนาคารกลางแต่ละประเทศในอาเซียน กำลังหารือร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่จะดำเนินกิจการในประเทศสมาชิกอื่น โดยเชื่อว่าในปี 2557-2558 จะเริ่มมีสถาบันการเงินไทยเข้าไปจัดธนาคารในอาเซียนได้ก่อนเป้า ในปี 2563
