ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นำตัว น.ส.ดุจดาว ยาระนะ อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่หลอกหญิงไทยไปค้าประเวณี ที่ประเทศบาห์เรน
พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการ ปคม.เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ตำรวจได้รับการประสานมาจากประเทศบาห์เรน ให้เข้าช่วยเหลือหญิงไทย 9 คน ภายในห้องพักที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ที่ถูกหลอกมาค้าประเวณี ร่วมกับขบวนการค้ามนุษย์ไทย-บาห์เรน โดยจะมีการชักชวนให้ผู้เสียหายให้มาทำงานที่ร้านนวดแผนไทย พร้อมกับเสนอค่าจ้างในอัตราสูง พอมาถึงบาห์เรนจะถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกควบคุมตัวเอาไว้ในห้องพัก โดยตำรวจสามารถสืบสวนจับ น.ส.ดุจดาว ได้ที่สนามบินภูเก็ต ขณะเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเดินทางต่อไปประเทศบาห์เรน
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหามีการเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับอีกด้วย ขณะที่ น.ส.ดุจดาว ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจัดหาผู้หญิงไปค้าประเวณีตามที่ถูกกล่าวหา แต่ตำรวจยืนยันว่า มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงเพียงพอ เบื้องต้นตั้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนจับ น.ส.เบญจวรรณ พรมมา ที่ร่วมขบวนการนี้และยังหลบหนีอยู่
พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการ ปคม.เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ตำรวจได้รับการประสานมาจากประเทศบาห์เรน ให้เข้าช่วยเหลือหญิงไทย 9 คน ภายในห้องพักที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน ที่ถูกหลอกมาค้าประเวณี ร่วมกับขบวนการค้ามนุษย์ไทย-บาห์เรน โดยจะมีการชักชวนให้ผู้เสียหายให้มาทำงานที่ร้านนวดแผนไทย พร้อมกับเสนอค่าจ้างในอัตราสูง พอมาถึงบาห์เรนจะถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกควบคุมตัวเอาไว้ในห้องพัก โดยตำรวจสามารถสืบสวนจับ น.ส.ดุจดาว ได้ที่สนามบินภูเก็ต ขณะเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเดินทางต่อไปประเทศบาห์เรน
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหามีการเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับอีกด้วย ขณะที่ น.ส.ดุจดาว ปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจัดหาผู้หญิงไปค้าประเวณีตามที่ถูกกล่าวหา แต่ตำรวจยืนยันว่า มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงเพียงพอ เบื้องต้นตั้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนจับ น.ส.เบญจวรรณ พรมมา ที่ร่วมขบวนการนี้และยังหลบหนีอยู่