การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ แทน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร มี ส.ว.เสนอชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภา 4 คน ประกอบด้วย นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ ส.ว.สรรหา นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี โดยเป็นการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา และตามที่ได้ตกลงกันไว้ ได้เปิดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์คนละ 10 นาที
โดย น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรก ระบุว่า โบราณถือว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า แต่สังคมปัจจุบันหลายอย่างเปลี่ยนไป และสตรีมีบทบาทมากขึ้น โดยยกตัวอย่างนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา และนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า หรือแม้กระทั่งปัจจุบันไทยก็มีนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นคนแรก
จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของนายพิเชต สุนทรพิพิธ ซึ่งระบุว่า แม้จะมาจากการสรรหา แต่ส่วนตัวไม่ถือว่าตนเองเป็น ส.ว.สรรหา มาชิงตำแหน่งกับ ส.ว.เลือกตั้ง เพราะหากยังยึดติดกับเรื่องที่มา ก็จะไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้ พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้ความร่วมมือกับ ส.ว.ทุกคน เปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็น พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีปัญหาด้านสุขภาพตามที่เป็นข่าว
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์คนที่ 3 โดยกล่าวว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ในกรอบต่างๆ ที่เป็นหน้าที่ของวุฒิสภา เช่น การกลั่นกรองกฎหมาย การถอดถอนนักการเมือง พร้อมกันนี้ นายเกชา ระบุด้วยว่า จะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของวุฒิสภา เพื่อให้ประเทศมีความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน
ขณะที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้าย โดยประกาศจะยึดหลักกฎหมาย ความเป็นนิติรัฐ นิติธรรม ในการทำหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมบทบาทของวุฒิสภาให้เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับ ทั้งในสังคมและในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่ต้องประชุมร่วมกับ ส.ส. โดยย้ำว่า วุฒิสภาต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่เอนเอียงตามกระแสสังคม
หลังการแสดงวิสัยทัศน์ เป็นขั้นตอนการลงคะแนน ซึ่งใช้วิธีขานชื่อสมาชิกทีละคน และลงคะแนนลับด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนนในคูหา และตามข้อกำหนด ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา หากจะได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ต้องได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของวุฒิสมาชิกที่มีอยู่ คือเกิน 73 เสียงขึ้นไป
โดย น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนแรก ระบุว่า โบราณถือว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า แต่สังคมปัจจุบันหลายอย่างเปลี่ยนไป และสตรีมีบทบาทมากขึ้น โดยยกตัวอย่างนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกา และนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า หรือแม้กระทั่งปัจจุบันไทยก็มีนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นคนแรก
จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของนายพิเชต สุนทรพิพิธ ซึ่งระบุว่า แม้จะมาจากการสรรหา แต่ส่วนตัวไม่ถือว่าตนเองเป็น ส.ว.สรรหา มาชิงตำแหน่งกับ ส.ว.เลือกตั้ง เพราะหากยังยึดติดกับเรื่องที่มา ก็จะไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งได้ พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้ความร่วมมือกับ ส.ว.ทุกคน เปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็น พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีปัญหาด้านสุขภาพตามที่เป็นข่าว
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์คนที่ 3 โดยกล่าวว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ในกรอบต่างๆ ที่เป็นหน้าที่ของวุฒิสภา เช่น การกลั่นกรองกฎหมาย การถอดถอนนักการเมือง พร้อมกันนี้ นายเกชา ระบุด้วยว่า จะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของวุฒิสภา เพื่อให้ประเทศมีความพร้อมในการก้าวสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน
ขณะที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา แสดงวิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้าย โดยประกาศจะยึดหลักกฎหมาย ความเป็นนิติรัฐ นิติธรรม ในการทำหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมบทบาทของวุฒิสภาให้เป็นกลาง เป็นที่ยอมรับ ทั้งในสังคมและในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่ต้องประชุมร่วมกับ ส.ส. โดยย้ำว่า วุฒิสภาต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่เอนเอียงตามกระแสสังคม
หลังการแสดงวิสัยทัศน์ เป็นขั้นตอนการลงคะแนน ซึ่งใช้วิธีขานชื่อสมาชิกทีละคน และลงคะแนนลับด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนนในคูหา และตามข้อกำหนด ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา หากจะได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา ต้องได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของวุฒิสมาชิกที่มีอยู่ คือเกิน 73 เสียงขึ้นไป