ข้อมูลจากพวกผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของเอเชียที่เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์(9) ตอกย้ำสัญญาณของเศรษฐกิจชะลอตัวและความเสี่ยงที่ดีมานด์ทั่วโลกจะทรุดลงต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) 2 คน ก็กล่าวประสานเสียงกันที่กรุงเทพฯว่า แนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกาอยู่ในช่วงขาลง เห็นควรที่จะต้องคลอดมาตรการ QE3
ข้อมูลจากแดนอาทิตย์อุทัยแสดงให้เห็นว่า คำสั่งซื้อเครื่องจักรกลหลักของญี่ปุ่นประจำเดือนพฤษภาคมดิ่งลง 14.8% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายด้านเงินทุนมีอัตราขยายตัวแค่ 3.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เพิ่มความเสี่ยงที่การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้จะหยุดชะงักหากภาคเอกชนระงับการลงทุน
ขณะเดียวกัน จีนที่เป็นชาติเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก มีอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนลดลงเกินความคาดหมาย โดยที่ราคาผู้ผลิตยังคงตกลงเป็นเดือนที่ 4 บ่งชี้ว่าความต้องการสินค้าจีนโดยเฉพาะจากลูกค้าต่างแดน กำลังวูบลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ทางด้านยอดส่งออกประจำเดือนมิถุนายนของไต้หวัน หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อคำนวณเป็นอัตราต่อปี ก็มีตัวเลขติดลบอีกนับเป็นเดือนที่ 4 ต่อเนื่องกันแล้ว บริษัทไต้หวันนั้นคือผู้ผลิตสินค้าไฮเทคสุดล้ำส่วนใหญ่ของค่ายแอปเปิล ตลอดจนทำสมาร์ตโฟนให้แก่แบรนด์ต่างๆ หลากหลาย ยอดส่งออกที่ทรุดตัวเช่นนี้จึงกำลังสะเท้อนว่าดีมานด์ของโลกต่อผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคเหล่านี้กำลังลดถอยลงนั่นเอง
ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ตอกย้ำการประเมินแนวโน้มการเติบโตแง่ลบของเศรษฐกิจอเมริกาโดย อิริก โรเซนเกรน ผู้ว่าการเฟด สาขาบอสตัน ระหว่างที่เขากล่าวอภิปรายในเวทีประชุมของสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์
โรเซนเกรนอธิบายว่า สาเหตุที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แง่ลบเนื่องจากคาดการณ์ว่าการลงทุน, การส่งออกสุทธิ, และการใช้จ่ายของภาครัฐจะอ่อนแอลง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินในยุโรป
ข้อมูลจากแดนอาทิตย์อุทัยแสดงให้เห็นว่า คำสั่งซื้อเครื่องจักรกลหลักของญี่ปุ่นประจำเดือนพฤษภาคมดิ่งลง 14.8% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายด้านเงินทุนมีอัตราขยายตัวแค่ 3.3% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เพิ่มความเสี่ยงที่การเติบโตของประเทศเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้จะหยุดชะงักหากภาคเอกชนระงับการลงทุน
ขณะเดียวกัน จีนที่เป็นชาติเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก มีอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนลดลงเกินความคาดหมาย โดยที่ราคาผู้ผลิตยังคงตกลงเป็นเดือนที่ 4 บ่งชี้ว่าความต้องการสินค้าจีนโดยเฉพาะจากลูกค้าต่างแดน กำลังวูบลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ทางด้านยอดส่งออกประจำเดือนมิถุนายนของไต้หวัน หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อคำนวณเป็นอัตราต่อปี ก็มีตัวเลขติดลบอีกนับเป็นเดือนที่ 4 ต่อเนื่องกันแล้ว บริษัทไต้หวันนั้นคือผู้ผลิตสินค้าไฮเทคสุดล้ำส่วนใหญ่ของค่ายแอปเปิล ตลอดจนทำสมาร์ตโฟนให้แก่แบรนด์ต่างๆ หลากหลาย ยอดส่งออกที่ทรุดตัวเช่นนี้จึงกำลังสะเท้อนว่าดีมานด์ของโลกต่อผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคเหล่านี้กำลังลดถอยลงนั่นเอง
ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ตอกย้ำการประเมินแนวโน้มการเติบโตแง่ลบของเศรษฐกิจอเมริกาโดย อิริก โรเซนเกรน ผู้ว่าการเฟด สาขาบอสตัน ระหว่างที่เขากล่าวอภิปรายในเวทีประชุมของสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์
โรเซนเกรนอธิบายว่า สาเหตุที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ แง่ลบเนื่องจากคาดการณ์ว่าการลงทุน, การส่งออกสุทธิ, และการใช้จ่ายของภาครัฐจะอ่อนแอลง ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินในยุโรป
