xs
xsm
sm
md
lg

“ศศินทร์” เชียร์กลยุทธ์โอบอ้อมอารีสร้างฐานธุรกิจแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผศ.ดร.กฤษติกา  คงสมพงษ์
สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์เผยนักธุรกิจไทยตื่นตัวรับแนวคิดบริหารองค์กรรูปแบบใหม่ ชี้ถึงเวลาใช้ความโอบอ้อมอารีรับมือการแข่งขัน ยืนยันเป็นกลยุทธ์ไม่ต้องลงทุนสูงแต่สามารถสร้างมูลค่าให้ธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายทาง

ผศ.ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ เปิดเผยถึงการจัดสัมมนาเรื่องการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี (Compassion) ซึ่งจัดโดยสมาคมศิษย์เก่า สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์และกลุ่มบริษัทบีกริม ผลปรากฏว่าหัวข้อดังกล่าวได้รับความสนใจจากองค์กรธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการถกถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และให้เกิดการบริหารเชิงบูรณาการบนพื้นฐานของความโอบอ้อมอารี ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เนื่องจากแนวความคิดดังกล่าวมีเรื่องความเมตตากรุณาซึ่งกันและกันทั้งต่อคนในองค์กรและสังคม รวมทั้งผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการดำเนินธุรกิจ เพราะตามแนวคิดเรื่องความโอบอ้อมอารีนั้นไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น หรือพนักงานในองค์กรเท่านั้น แต่หมายรวมถึงทุกคนในสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ เรื่องความโอบอ้อมอารีไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่การทำงานภายใต้นโยบายการเอาประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้งคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจมองข้ามเรื่องดังกล่าวไป เมื่อถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจ การมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องผลกำไรอาจไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน แต่จะต้องทำงานบนพื้นฐานของความมีคุณธรรมและจริยธรรม ทั้งต่อบุคลากรและผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยสร้างความจงรักภักดีและความน่าเชื่อถือ ให้แบรนด์

ส่วนสถาบันฯ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับกลยุทธ์การทำงาน โดยการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กรให้มีความเข้มแข็ง มีความรักและสามัคคี เพราะถ้าทุกคนถูกดูแลและเอาใจใส่ภายใต้ความโอบอ้อมอารี จะช่วยทำให้เกิดความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อธุรกิจ และเชื่อว่าการบริหารธุรกิจภายใต้แนวคิดความโอบอ้อมอารีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เกิดความเข้มแข็งทั้งภายใน และภายนอกองค์กร

การให้ความสำคัญต่อกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ถือเป็นแนวคิดที่ดีไม่น้อย แต่ CSR เป็นกิจกรรมปลายทางที่อาจไม่ได้ช่วยสร้างความยั่งยืนให้องค์กร ถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจจะต้องหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญต่อรูปแบบการทำงานที่เรียกว่า “โอบอ้อมอารี” เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก และสามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้นและทำได้ตลอดไป และไม่ต้องรอให้เกิดผลกำไรเหมือนกับกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำกันปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ สามารถเริ่มต้นด้วยการเอาใจใส่ ให้อภัย รักและเคารพซึ่งกันและกัน หากผู้บริหารระดับสูงกระทำในสิ่งที่เรียกว่าความโอบอ้อมอารีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้เกิดความประทับใจและพึงพอใจตามมา ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น