สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เสนอบทเรียนจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2550-2552 ตอกย้ำให้ทุกภาคส่วน เห็นความสำคัญของระบบประกันเงินฝาก ชี้เครือข่ายความมั่นคงทางการเงินต่างๆ ต้องบูรณาการกฏระเบียบ กฎเกณฑ์ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เพื่อการดูแล และคุ้มครองผู้ฝากเงิน ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค
นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กล่าวว่า จากการที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากได้รับเชิญเข้าร่วมในงานอภิปรายหัวข้อ “Asia in Transformation” (เอเชีย อิน ทรานฟอร์มเมชัน) หรือการอภิปรายเพื่อนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ซึ่งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีประชาคมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิจากในไทย และนานาประเทศในวันนี้ โดยในส่วนของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “วิกฤตการณ์ทางการเงิน และความสำคัญของระบบคุ้มครองเงินฝาก กับการเสริมสร้างความยั่งยืน มั่นคงทางการเงิน การออมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย” โดยนำบทเรียนจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2550-2552 มาตอกย้ำให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของระบบประกันเงินฝาก ซึ่งเครือข่ายความมั่นคงทางการเงินต่างๆ ต้องบูรณาการกฏระเบียบ กฎเกณฑ์ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน เพื่อการดูแล และคุ้มครองผู้ฝากเงิน ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ยังต้องเชื่อมโยงปัจจัยรอบด้านที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาการคุ้มครองให้เหมาะสมตามหลักการคุ้มครอง และสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ผู้ฝากเงิน ตลอดจนส่งเสริมเสถียรภาพให้แก่ระบบการเงินโดยรวม ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนเชื่อมั่นว่าหน่วยงานในเครือข่ายการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงิน (Financial Safety Net) ของประเทศไทย จะมีบทบาทในการเสริมสร้างความมั่นคง และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาอย่างยั่งยืน