ในการสัมมนาเรื่อง เออีซี โอกาสและวิกฤตประกันชีวิตไทย จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจและสมาคมประกันชีวิตไทย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทย อย่าเพียงแต่ตั้งรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 แต่ต้องรุกตลาดด้วย ไม่เช่นนั้นจะแข่งขันลำบาก โดยรัฐบาลและเอกชนจะต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมบุคลากร ภาษา ระบบขนส่งโลจิสติกส์
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า โอกาสในการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตมีสูง เนื่องจากปัจจุบันคนไทยที่ซื้อประกันชีวิต มีเพียงร้อยละ 30 แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่กำหนดชัดเจนว่า กิจการใดบ้างสามารถเปิดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าไปลงทุนได้ เพื่อเอกชนจะสามารถประเมินได้ว่า ควรปรับทิศทางอย่างไร และควรให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างไร
ด้านนายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นว่า หลังเป็นเออีซี จะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค เพราะมีทางเลือกมากขึ้น ราคาประกันถูกลง มาตรฐานดีขึ้น เพราะมีการแข่งขันให้บริการที่ดีขึ้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทย อย่าเพียงแต่ตั้งรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 แต่ต้องรุกตลาดด้วย ไม่เช่นนั้นจะแข่งขันลำบาก โดยรัฐบาลและเอกชนจะต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมบุคลากร ภาษา ระบบขนส่งโลจิสติกส์
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า โอกาสในการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตมีสูง เนื่องจากปัจจุบันคนไทยที่ซื้อประกันชีวิต มีเพียงร้อยละ 30 แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่กำหนดชัดเจนว่า กิจการใดบ้างสามารถเปิดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าไปลงทุนได้ เพื่อเอกชนจะสามารถประเมินได้ว่า ควรปรับทิศทางอย่างไร และควรให้รัฐบาลช่วยเหลืออย่างไร
ด้านนายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ให้ความเห็นว่า หลังเป็นเออีซี จะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค เพราะมีทางเลือกมากขึ้น ราคาประกันถูกลง มาตรฐานดีขึ้น เพราะมีการแข่งขันให้บริการที่ดีขึ้น
