บมจ.ประกันภัย เฮถ้วนหน้า!! หลังรับกำไรอื้อซ่าจากส่วนต่างการซื้อขายหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย “กรุงเทพประกันภัย” เมื่อปี 53 ได้เบี้ยประกันภัยรวม 10,555.7 ล้านบาท หรือโตขึ้น 20% ขณะที่ “ไทยประกันภัย” มีเบี้ยประกันภัย 1,099 ล้านบาท ฟันกำไรสุทธิไป 46.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 163% ด้้าน “ไทยเศรษฐกิจประกันภัย-ประกันภัยไทยวิวัฒน์” กอดคอกันมีเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น
วันนี้ (8 มี.ค.) นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและประธานคณะที่ปรึกษา บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,555.7 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 663.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% รายได้สุทธิจากการลงทุน 1,003.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.8% มีกำไรก่อนหักภาษี 1,666.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.9% และเมื่อหักภาษีเงินได้แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,232.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2% โดยมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 16.20 บาท ด้านบมจ.นำสินประกันภัย โดยนายสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวย การ กล่าวว่า บริษัทมียอดขายในปี 2553 จำนวน 1,126.29 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (มอเตอร์) 1,001.79 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยอื่นๆ ไม่ใช่รถยนต์ หรือ นอนมอเตอร์ (Nonmotor) 124.30 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1,149.22 ล้านบาท หรือลดลงไป 2% เนื่องจากบริษัทลดยอดขายประกัน พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ ที่ปรับปรุงเงื่อนไขความคุ้มครองและมีอัตราค่าสินไหม (Loss ratio) สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทได้กำไรจากการรับประกันภัยที่หักค่าใช้จ่าย 8.82 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกำไรจากการลงทุน 87.84 ล้านบาท และรายได้อื่น 22.01 ล้านบาทแล้ว ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 100.85 ล้านบาท
ขณะที่ นางสาวพณิตา ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยประกันภัย กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ 1,099 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 46.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 163% ส่วนใหญ่มาจากค่าสินไหมจ่ายที่ลดลง 157.3 ล้านบาท หรือลดลง 25% มีกำไรจากการรับประกันภัย 195.1 ล้านบาท มีรายได้จากการลงทุนอยู่ที่ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จาก 12.7 ล้านบาทในปี 2552 อันเนื่องมาจากการบริหารเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพ กอปรกับภาวะของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 46.3 ล้านบาท
สำหรับบริษัทประกันชีวิต นายโชน โสภณพนิช รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต ระบุว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัททำกำไรสุทธิได้สูงถึง 2,796.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.85% เมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,185.69 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนก็ปรับตัวเพิ่มประมาณ 705.02 ล้านบาท กำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 214.87 ล้านบาท
ส่วน บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย ระบุว่า ในปี 2553 บริษัทมีเบี้ยรับรวม 563.8 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 65.12% จากปีก่อนที่มีเบี้ย 341.46 ล้านบาท เนื่อง จากการขยายการรับประกันเพิ่ม โดยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ แต่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยเพิ่มขึ้นเป็น 435.6 ล้านบาท หรือ 40.31% จาก 310.46 ล้านบาท ในปี 2552 นอกจากนี้ ทำให้บริษัท ต้องตั้งสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ถือเป็น รายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 361.12% หรือตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 146.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้กำไรจากการรับประกันภัยในปี 2553 ลดลง มีผลขาดทุนจากการรับประกันภัยที่ 18.5 ล้านบาท หรือลดลง 121.28% จากเดิมที่เป็นกำไรในปีก่อนที่ 87.2 ล้านบาท ส่งผลขาดทุนสุทธิจำนวน 102.45 ล้านบาท หรือลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร 0.82 ล้านบาท หรือ ลดลง 12,567.30%
ด้าน นาย จีรพันธ์ อัศวะธนกุล กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทมีเบี้ยรวม 1,931.7 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่มีเบี้ย 1,818.6 ล้าน บาท โดยมีรายได้จากการรับประกันเพิ่ม 178.45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.73% ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการรับประกันเพิ่มขึ้น 134.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.99% มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 36.49 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.93% มีรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น 38.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.56% โดยมีกำไรสุทธิ 63.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.42 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.13 บาท