นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำชับไม่ให้ กทม.ทะเลาะกับฝ่ายอื่น แต่ขอให้ทำสมุดปกขาวชี้แจงแทน ถึงการทำสัญญากับบีทีเอส จึงจะเร่งจัดทำเพื่อให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตรวจดู ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ก่อนแจกจ่ายให้ ส.ส. สภา กทม. สื่อมวลชน และประชาชน เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ กทม.ทำสัญญากับบีทีเอส
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ ว่ากรณีดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติร่วมทุน และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐนั้น กทม.ได้ทำหนังสือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 เพื่อให้วินิจฉัยสถานภาพของ บริษัท กรุงเทพ ธนาคม จำกัด ที่ กทม.ว่าจ้างให้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยาย และโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) โดยใช้งบประมาณของ กทม.ทั้งหมด ซึ่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 25 เมษายน 2550 ระบุว่า เป็นการดำเนินการที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของ กทม.เอง ตามมาตรา 98 วรรค 8 แห่งระเบียบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดย กทม.เป็นผู้รับผลประโยชน์สุดท้ายเองทั้งหมด เพียงแต่ทำการจ้างเอกชนเดินรถ โดยเอกชนจะรับค่าจ้างเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอ ว่ากรณีดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติร่วมทุน และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐนั้น กทม.ได้ทำหนังสือไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550 เพื่อให้วินิจฉัยสถานภาพของ บริษัท กรุงเทพ ธนาคม จำกัด ที่ กทม.ว่าจ้างให้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยาย และโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) โดยใช้งบประมาณของ กทม.ทั้งหมด ซึ่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 25 เมษายน 2550 ระบุว่า เป็นการดำเนินการที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของ กทม.เอง ตามมาตรา 98 วรรค 8 แห่งระเบียบ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร โดย กทม.เป็นผู้รับผลประโยชน์สุดท้ายเองทั้งหมด เพียงแต่ทำการจ้างเอกชนเดินรถ โดยเอกชนจะรับค่าจ้างเป็นค่าตอบแทนเท่านั้น
