นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางเยือนจีนและญี่ปุ่นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ผลสัมฤทธิ์เป็นอย่างดี พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอาเซียน รวมถึงกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงได้มาก สามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะการกระชับความร่วมมือระหว่างกันในหลายด้าน อาทิ ความร่วมมือด้านรถไฟ พลังงาน การสื่อสาร การเกษตร รวมถึงการลาดตระเวนร่วมในแม่น้ำโขง ซึ่งไทยกับจีนตั้งเป้าผลักดันมูลค่าการค้า การลงทุน ให้ทะลุ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558
พร้อมกันนี้ นายอนุสรณ์ ยังกล่าวขอบคุณนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่มีข้อเสนอแนะมากรณีภาคเอกชนเตรียมยื่นข้อเสนอ 9 ข้อ ต่อรัฐบาล เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และขอเลื่อนขึ้นค่าจ้าง 70 จังหวัด ไปเป็นปี 2558 และเสนอตั้งกองทุน 10,000-20,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เอสเอ็มอี ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟัง แต่เห็นว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทนั้น เป็นการเพิ่มศักยภาพของภาคแรงงานของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน
อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานมากขึ้น รวมทั้งขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางที่แน่นอนมารองรับในเรื่องนี้
พร้อมกันนี้ นายอนุสรณ์ ยังกล่าวขอบคุณนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่มีข้อเสนอแนะมากรณีภาคเอกชนเตรียมยื่นข้อเสนอ 9 ข้อ ต่อรัฐบาล เพื่อลดผลกระทบจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และขอเลื่อนขึ้นค่าจ้าง 70 จังหวัด ไปเป็นปี 2558 และเสนอตั้งกองทุน 10,000-20,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เอสเอ็มอี ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟัง แต่เห็นว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทนั้น เป็นการเพิ่มศักยภาพของภาคแรงงานของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน
อย่างไรก็ตาม รู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลจะพยายามเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานมากขึ้น รวมทั้งขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางที่แน่นอนมารองรับในเรื่องนี้