นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมประกันภัยพิบัติ กล่าวว่า คณะกรรมการสรุปค่าเบี้ยประกันที่จะจัดเก็บ เรียบร้อยแล้ว โดยประชาชนรายย่อย ที่ร้อยละ 0.5 ของทุนประกันไม่เกิน 100,000 บาท คิดเป็นเบี้ยประกัน 500 บาท ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้อยละ 1 โดยคุ้มครองความเสียหายร้อยละ 30 ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ คิดร้อยละ 1.25 คุ้มครองความเสียหายร้อยละ 30 ไม่จำกัดทุนประกัน
ส่วนคำนิยามของภัยพิบัติ ประกอบด้วย 3 ภัย คือ น้ำท่วม ลมพายุ และแผ่นดินไหว ทั้งนี้ ภัยพิบัติน้ำท่วม ผู้ทำประกันจะได้รับเงินชดเชยใน 2 กรณี คือ กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ กรณีที่ 2 น้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่กองทุนประกันคุ้มครองอยู่ เกิน 5,000 ล้านบาท และมีผู้เอาประกันมากกว่า 2 ราย
สำหรับประชาชนที่ประกันภัยน้ำท่วมบ้าน นอกจากเงื่อนไขภัยพิบัติทั้ง 2 กรณีแล้ว ยังพิจารณาระดับน้ำท่วมบ้านด้วย โดยน้ำท่วมพื้นที่ชั้นล่าง เริ่มจ่าย 30,000 บาท ท่วมเกิน 50 เซนติเมตร จ่าย 50,000 บาท ท่วมเกิน 75 เซนติเมตร จ่าย 75,000 บาท และท่วมเกิน 1 เมตร จ่าย 100,000 บาท
ส่วนภัยพิบัติลมพายุ ต้องมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแผ่นดินไหว ต้องมีความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 7 ริกเตอร์
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมเสนอรายละเอียดการประกันทั้งหมดให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสัปดาห์หน้า
ส่วนคำนิยามของภัยพิบัติ ประกอบด้วย 3 ภัย คือ น้ำท่วม ลมพายุ และแผ่นดินไหว ทั้งนี้ ภัยพิบัติน้ำท่วม ผู้ทำประกันจะได้รับเงินชดเชยใน 2 กรณี คือ กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ กรณีที่ 2 น้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่กองทุนประกันคุ้มครองอยู่ เกิน 5,000 ล้านบาท และมีผู้เอาประกันมากกว่า 2 ราย
สำหรับประชาชนที่ประกันภัยน้ำท่วมบ้าน นอกจากเงื่อนไขภัยพิบัติทั้ง 2 กรณีแล้ว ยังพิจารณาระดับน้ำท่วมบ้านด้วย โดยน้ำท่วมพื้นที่ชั้นล่าง เริ่มจ่าย 30,000 บาท ท่วมเกิน 50 เซนติเมตร จ่าย 50,000 บาท ท่วมเกิน 75 เซนติเมตร จ่าย 75,000 บาท และท่วมเกิน 1 เมตร จ่าย 100,000 บาท
ส่วนภัยพิบัติลมพายุ ต้องมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแผ่นดินไหว ต้องมีความรุนแรงไม่ต่ำกว่า 7 ริกเตอร์
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมเสนอรายละเอียดการประกันทั้งหมดให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบสัปดาห์หน้า
