ศูนย์ข่าวศรีราชา - สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย จี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการด้านการตลาดชี้ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และเรียกร้องให้เปิดโอกาสผู้ประกอบการได้บริหารจัดการระบบการผลิตและการตลาดด้วยตนเอง เพื่อสร้างศักยภาพด้านการตลาด
นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่าเมื่อวันที่ 10 มกราคาที่ผ่านมา อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เรียกประชุมผู้เลี้ยง และผู้ประกอบการไข่ไก่ทั้งระบบ เพื่อแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ต่กต่ำ จากสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่ประสบปัญหาตกต่ำเหลือเพียงฟองละ 1.90 บาท ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ฟองละ 2.60 บาท ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งในส่วนของสมาคมฯ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ Egg Board จะกำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 9 ราย รับโควตาการนำเข้าพ่อ-แม่พันธุ์ไก่ไข่ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2553 เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของการผูกขาดพันธุ์สัตว์ และก่อให้เกิดปัญหาลูกไก่ไข่ออกสู่ตลาดน้อยกว่าความต้องการของตลาดในแต่ละปี และเป็นที่มาของปัญหาการกระจายพันธุ์สัตว์อย่างไม่เป็นธรรม
ขณะที่วิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ทำให้ตลาดไข่ไก่เกิดความผันผวนจากสถานการณ์ไข่ไก่ล้นตลาด ซึ่งปัจจุบันมีไข่ไก่ออกสู่ตลาดวันละ 30-32 ล้านฟอง ส่วนความต้องการบริโภคมีเพียงวันละ 26-27 ล้านฟอง ส่วนเกินวันละ 4-5 ล้านฟอง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากฟองละ 2.80 บาด เหลือเพียง 1.90-2.00 บาท ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นหากผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการนำเข้าเสรี ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นและไม่ส่งผลเสียต่อเกษตรกรรายย่อยอย่างที่เป็นอยู่
โดยสมาคมได้เรียกร้องให้รัฐบาล รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาตลาดเพื่อระบายไข่ไก่ที่ล้นตลาดอย่างชัดเจน นอกจากนั้น ยังขอให้มีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวและระยะสั้น โดยระยะสั้น คือ การรณรงค์ให้เกิดการบริโภคไข่ไก่ในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นอกจากนั้น ยังกำหนดราคาขายปลีกแนะนำ ไข่คละฟองละ 2.20 บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมเป็นต้นมา และให้มีการทบทวนในทุก 7-15 วันที่สำคัญ ยังจะต้องเร่งระบายไข่ไก่ 100 ล้านฟอง เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและยาว จะต้องมีการควบคุมปริมาณพ่อ-แม่ พันธุ์ไก่ไข่ และจัดระบบบริหารจัดการ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและการตลาดได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ได้ พร้อมรายงานสถานการณ์ไข่ไก่ในปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน 6 เดือนข้างหน้าด้วย
นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่าเมื่อวันที่ 10 มกราคาที่ผ่านมา อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เรียกประชุมผู้เลี้ยง และผู้ประกอบการไข่ไก่ทั้งระบบ เพื่อแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ต่กต่ำ จากสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่ประสบปัญหาตกต่ำเหลือเพียงฟองละ 1.90 บาท ต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่ฟองละ 2.60 บาท ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งในส่วนของสมาคมฯ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการที่ Egg Board จะกำหนดให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 9 ราย รับโควตาการนำเข้าพ่อ-แม่พันธุ์ไก่ไข่ ซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2553 เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของการผูกขาดพันธุ์สัตว์ และก่อให้เกิดปัญหาลูกไก่ไข่ออกสู่ตลาดน้อยกว่าความต้องการของตลาดในแต่ละปี และเป็นที่มาของปัญหาการกระจายพันธุ์สัตว์อย่างไม่เป็นธรรม
ขณะที่วิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 ทำให้ตลาดไข่ไก่เกิดความผันผวนจากสถานการณ์ไข่ไก่ล้นตลาด ซึ่งปัจจุบันมีไข่ไก่ออกสู่ตลาดวันละ 30-32 ล้านฟอง ส่วนความต้องการบริโภคมีเพียงวันละ 26-27 ล้านฟอง ส่วนเกินวันละ 4-5 ล้านฟอง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากฟองละ 2.80 บาด เหลือเพียง 1.90-2.00 บาท ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นหากผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายการนำเข้าเสรี ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้นและไม่ส่งผลเสียต่อเกษตรกรรายย่อยอย่างที่เป็นอยู่
โดยสมาคมได้เรียกร้องให้รัฐบาล รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาตลาดเพื่อระบายไข่ไก่ที่ล้นตลาดอย่างชัดเจน นอกจากนั้น ยังขอให้มีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวและระยะสั้น โดยระยะสั้น คือ การรณรงค์ให้เกิดการบริโภคไข่ไก่ในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นอกจากนั้น ยังกำหนดราคาขายปลีกแนะนำ ไข่คละฟองละ 2.20 บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มกราคมเป็นต้นมา และให้มีการทบทวนในทุก 7-15 วันที่สำคัญ ยังจะต้องเร่งระบายไข่ไก่ 100 ล้านฟอง เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะกลางและยาว จะต้องมีการควบคุมปริมาณพ่อ-แม่ พันธุ์ไก่ไข่ และจัดระบบบริหารจัดการ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและการตลาดได้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ได้ พร้อมรายงานสถานการณ์ไข่ไก่ในปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน 6 เดือนข้างหน้าด้วย
