นายถิรชัย วุฒิธรรม เลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงข่าวมาตรการปราบปรามยาเสพติดในเรือนจำทั่วประเทศว่า มีมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำ และทัณฑสถาน มีการประสานสนธิกำลังร่วมกัน 3 หน่วยงาน ทั้ง ป.ป.ส. ดีเอสไอ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ท.
โดยมาตรการที่ 1 จะย้ายผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ไปควบคุมที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์ โดยจะย้ายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ให้แล้วเสร็จ พร้อมกันนี้จะคัดย้ายผู้ต้องขังคดีอื่น เช่น คดีมือปืน คดีเกี่ยวกับทรัพย์
ส่วนมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น การงดรับของฝาก ของเยี่ยม หรือพัสดุ ในกลุ่มเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม เป็นต้นไป รวมทั้งติดตั้งระบบอัดเทปการสนทนาระหว่างญาติกับผู้ต้องขัง ขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำ จะไม่ให้ถือสัมภาระ หรือใส่เครื่องแบบที่มีโลหะ เปลี่ยนไปใช้ชุดปฏิบัติการแทน เพื่อสะดวกในการตรวจค้น นอกจากนี้ จะเร่งรัดติดตั้งกล้องวงจรปิด และเครื่องเอ็กซเรย์
มาตรการที่ 2 จะติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ในเรือนจำกลางพิษณุโลก เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางระยอง ให้แล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม รวมทั้งให้มีห้องขังเดี่ยว และห้องขังรวมขนาดเล็ก ซึ่งง่ายต่อการตรวจค้น และติดตั้งกล้องวงจรปิดติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนญาติที่ไปเยี่ยมจะพูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
สำหรับระยะสุดท้าย จะจัดสร้างเรือนจำซูเปอร์แม็ก ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใช้คุมขังผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยกรมราชทัณฑ์ จะของบประมาณปี 2556 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี พื้นที่ก่อสร้าง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมาตรการนี้เชื่อว่าทำให้สถานการณ์ยาเสพติดในเรือนจำ รวมถึงสถานการณ์ภายนอกลดลง
โดยมาตรการที่ 1 จะย้ายผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ไปควบคุมที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์ โดยจะย้ายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ให้แล้วเสร็จ พร้อมกันนี้จะคัดย้ายผู้ต้องขังคดีอื่น เช่น คดีมือปืน คดีเกี่ยวกับทรัพย์
ส่วนมาตรการเสริมอื่นๆ เช่น การงดรับของฝาก ของเยี่ยม หรือพัสดุ ในกลุ่มเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม เป็นต้นไป รวมทั้งติดตั้งระบบอัดเทปการสนทนาระหว่างญาติกับผู้ต้องขัง ขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำ จะไม่ให้ถือสัมภาระ หรือใส่เครื่องแบบที่มีโลหะ เปลี่ยนไปใช้ชุดปฏิบัติการแทน เพื่อสะดวกในการตรวจค้น นอกจากนี้ จะเร่งรัดติดตั้งกล้องวงจรปิด และเครื่องเอ็กซเรย์
มาตรการที่ 2 จะติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ในเรือนจำกลางพิษณุโลก เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางระยอง ให้แล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม รวมทั้งให้มีห้องขังเดี่ยว และห้องขังรวมขนาดเล็ก ซึ่งง่ายต่อการตรวจค้น และติดตั้งกล้องวงจรปิดติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่วนญาติที่ไปเยี่ยมจะพูดคุยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
สำหรับระยะสุดท้าย จะจัดสร้างเรือนจำซูเปอร์แม็ก ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใช้คุมขังผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยกรมราชทัณฑ์ จะของบประมาณปี 2556 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี พื้นที่ก่อสร้าง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมาตรการนี้เชื่อว่าทำให้สถานการณ์ยาเสพติดในเรือนจำ รวมถึงสถานการณ์ภายนอกลดลง
