“ธาริต” ยันยังไม่มีการทาบทามให้โยกย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น แต่หากฝ่ายการเมืองสั่งการให้ไปอยู่หน่วยใดก็พร้อมทำงานเพื่อบ้านเมือง ขณะที่ “สุชาติ-ดุษฎี” เด็กในคาถาเพื่อไทยเป็น 2 แคนดิเดตขึ้นเป็นอธิบดีดีเอสไอ ด้าน “ทวี สอดส่อง” คาดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จนั่งเก้าอี้ปลัดยุติธรรม หลัง “กิตติพงษ์” ครบวาระ พ.ค.นี้
วันนี้ (31 ม.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมโยกย้ายพ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการสั่งการหรือทาบทามให้ตนโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งใด ซึ่งยังคงเป็นอธิบดีดีเอสไอและทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองสั่งการให้ตนย้ายไปหน่วยงานใด หรือทำงานที่ไหน ตนก็ยังสามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ ซึ่งในฐานะข้าราชการจะต้องปฏิบัติตาม ส่วนที่บอกจะโยกย้ายไปปฏิบัติงานที่ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาตินั้นยังเร็วเกินไปที่จะพูด เนื่องจากทราบกระแสข่าวโยกย้ายตนเองจากทางหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากนายธาริตถูกโยกย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นผู้ที่อยู่ในข่ายเป็นแคนดิเดตที่จะมาดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอแทนนั้น มีอยู่ 2 คน คือ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งทั้งสองคนนี้มีความสนิมสนมกับฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมจะครบวาระ การดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยนายกิตติพงษ์ได้แสดงความประสงค์จะไม่ขอต่ออายุราชการในตำแหน่งไปอีก 1 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมจะว่างลง ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จให้ขึ้นระดับ 11 ในตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และที่ผ่านมาตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในโควต้าของกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อระดับ 11 ของกระทรวงยุติธรรมว่างลง จึงมีความพยายามผลักดันเครือข่ายตำรวจให้กลับมายึดกุมอำนาจในกระทรวงยุติธรรมไว้ทั้งหมด
วันนี้ (31 ม.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมโยกย้ายพ้นตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการสั่งการหรือทาบทามให้ตนโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งใด ซึ่งยังคงเป็นอธิบดีดีเอสไอและทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองสั่งการให้ตนย้ายไปหน่วยงานใด หรือทำงานที่ไหน ตนก็ยังสามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ ซึ่งในฐานะข้าราชการจะต้องปฏิบัติตาม ส่วนที่บอกจะโยกย้ายไปปฏิบัติงานที่ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาตินั้นยังเร็วเกินไปที่จะพูด เนื่องจากทราบกระแสข่าวโยกย้ายตนเองจากทางหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากนายธาริตถูกโยกย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่นผู้ที่อยู่ในข่ายเป็นแคนดิเดตที่จะมาดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอแทนนั้น มีอยู่ 2 คน คือ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งทั้งสองคนนี้มีความสนิมสนมกับฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมจะครบวาระ การดำรงตำแหน่ง 4 ปี โดยนายกิตติพงษ์ได้แสดงความประสงค์จะไม่ขอต่ออายุราชการในตำแหน่งไปอีก 1 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมจะว่างลง ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จให้ขึ้นระดับ 11 ในตำแหน่งเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และที่ผ่านมาตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในโควต้าของกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อระดับ 11 ของกระทรวงยุติธรรมว่างลง จึงมีความพยายามผลักดันเครือข่ายตำรวจให้กลับมายึดกุมอำนาจในกระทรวงยุติธรรมไว้ทั้งหมด
