ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดวันอังคาร (6) ปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2012 ของประเทศเอเชียตะวันออกรวมถึงจีน หลังวิกฤตหนี้ยูโรโซนทำท่าจะฉุดเศรษฐกิจโลกกลับเข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้ง
ในรายงาน“เอเชีย อีโคโนมิก มอนิเตอร์” (Asia Economic Monitor) ฉบับล่าสุด เอดีบี ลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีของกลุ่ม10 ประเทศอาเซียน รวมไปถึงจีน, ฮ่องกง, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ในปีหน้า ลงมาเหลือ 7.2 เปอร์เซ็นต์ จากที่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในรายงาน เอเชียน ดีเวลอปเมนต์ เอาต์ลุค 2011 อัปเดต (Asian Development Outlook 2011 Update) ได้ประมาณการไว้ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับของปีนี้ก็หั่นลงเหลือ 7.5% จากที่เดือนกันยายนไว้ให้ที่ 7.6%
รายงาน “เอเชีย อีโคโนมิก มอนิเตอร์” ฉบับนี้ ยังมีส่วนพิเศษ ที่ใช้ชื่อว่า “เอเชียตะวันออกสามารถทนต่อวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกอีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่?” (Can East Asia weather Another Global Economic Crisis?) โดยที่พูดถึงภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ในยูโรโซน และสหรัฐฯ พร้อมกับตรวจสอบว่าวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหม่จจะส่งผลต่อภูมิภาคแถบนี้อย่างไร โดยที่กำหนดเป็นสถานการณ์จำลองออกมา 3 สถานการณ์
สำหรับภาพจำลองสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด ซึ่งก็คือการที่เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯต่างเกิดการถดถอยอย่างแรง และทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวอย่างหนักพอๆ กับปี 2009 เอดีบีคาดว่า จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกในปีหน้าเติบโตเพียง 5.4% หรือต่ำลง 1.8% จากประมาณการปัจจุบันที่ 7.2% ขณะที่ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกที่รวมถึงญี่ปุ่นด้วย จะเติบโต 4.2% หรือลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ปัจจุบัน 1.2 เปอร์เซ็นต์
เอดีบีบอกว่า ถึงแม้ในสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด เศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียตะวันออกน่าจะทรุดลงหนักทีเดียว แต่ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโลกปี 2008/09 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภูมิภาคแถบนี้ได้กระจายตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งได้พึ่งพิงอุปสงค์ภายในมาเป็นปัจจัยแห่งการเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้นด้วย
ในรายงาน“เอเชีย อีโคโนมิก มอนิเตอร์” (Asia Economic Monitor) ฉบับล่าสุด เอดีบี ลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีของกลุ่ม10 ประเทศอาเซียน รวมไปถึงจีน, ฮ่องกง, เกาหลีใต้ และไต้หวัน ในปีหน้า ลงมาเหลือ 7.2 เปอร์เซ็นต์ จากที่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในรายงาน เอเชียน ดีเวลอปเมนต์ เอาต์ลุค 2011 อัปเดต (Asian Development Outlook 2011 Update) ได้ประมาณการไว้ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับของปีนี้ก็หั่นลงเหลือ 7.5% จากที่เดือนกันยายนไว้ให้ที่ 7.6%
รายงาน “เอเชีย อีโคโนมิก มอนิเตอร์” ฉบับนี้ ยังมีส่วนพิเศษ ที่ใช้ชื่อว่า “เอเชียตะวันออกสามารถทนต่อวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกอีกครั้งหนึ่งได้หรือไม่?” (Can East Asia weather Another Global Economic Crisis?) โดยที่พูดถึงภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ในยูโรโซน และสหรัฐฯ พร้อมกับตรวจสอบว่าวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกครั้งใหม่จจะส่งผลต่อภูมิภาคแถบนี้อย่างไร โดยที่กำหนดเป็นสถานการณ์จำลองออกมา 3 สถานการณ์
สำหรับภาพจำลองสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด ซึ่งก็คือการที่เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯต่างเกิดการถดถอยอย่างแรง และทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวอย่างหนักพอๆ กับปี 2009 เอดีบีคาดว่า จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกในปีหน้าเติบโตเพียง 5.4% หรือต่ำลง 1.8% จากประมาณการปัจจุบันที่ 7.2% ขณะที่ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกที่รวมถึงญี่ปุ่นด้วย จะเติบโต 4.2% หรือลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ปัจจุบัน 1.2 เปอร์เซ็นต์
เอดีบีบอกว่า ถึงแม้ในสถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด เศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ของเอเชียตะวันออกน่าจะทรุดลงหนักทีเดียว แต่ก็ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโลกปี 2008/09 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภูมิภาคแถบนี้ได้กระจายตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งได้พึ่งพิงอุปสงค์ภายในมาเป็นปัจจัยแห่งการเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้นด้วย