ด้วยอุทกภัยยังเอ่อท่วมทั่วไทย การประเมินถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มกลายเป็นความเศร้าหมองมากขึ้น โดยเมื่อวันพฤหัสบดี(17) บาร์เคลย์ส แคปปิตอล ปรับเพิ่มประมาณการณ์ความเสียหายต่อจีพีดีจากร้อยละ 2-3 เป็น 3-4 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ในปีนี้ไทยจะเติบโตเพียงร้อยละ 2.4
พิษของมหาอุทกภัยส่งให้ไทยต้องปรับลดประมาณการเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปีนี้และปีหน้า และสำหรับประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ยานพาหนะและอาหาร แสงสว่างจากปลายอุโมงค์เดียวคือหายนะครั้งนี้อาจจุดชนวนให้ธนาคารกลางต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยอย่างเร็วที่สุดคาดหมายว่าน่าจะเกิดขึ้นระหว่างการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30 พฤศจิกายน
บาร์เคลย์ แคปปิตอลระบุว่า "อุทกภัยก่อผลกระทบต่อการเติบโตของไทยมากกว่าที่คิดไว้ในเบื้องต้นขณะที่บางส่วนของกรุงเทพฯและพื้นที่โดยรอบยังคงจมอยู่ใต้น้ำ จนถึงตอนนี้เราคิดว่าน้ำท่วมก่อความเสียหายไปแล้ว 3-4 แสนล้านบาท (ราว3-4เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี) จากเดิมที่เราคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 2-3 แสนล้านบาท(2-3เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี)"
พิษของมหาอุทกภัยส่งให้ไทยต้องปรับลดประมาณการเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปีนี้และปีหน้า และสำหรับประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ยานพาหนะและอาหาร แสงสว่างจากปลายอุโมงค์เดียวคือหายนะครั้งนี้อาจจุดชนวนให้ธนาคารกลางต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยอย่างเร็วที่สุดคาดหมายว่าน่าจะเกิดขึ้นระหว่างการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 30 พฤศจิกายน
บาร์เคลย์ แคปปิตอลระบุว่า "อุทกภัยก่อผลกระทบต่อการเติบโตของไทยมากกว่าที่คิดไว้ในเบื้องต้นขณะที่บางส่วนของกรุงเทพฯและพื้นที่โดยรอบยังคงจมอยู่ใต้น้ำ จนถึงตอนนี้เราคิดว่าน้ำท่วมก่อความเสียหายไปแล้ว 3-4 แสนล้านบาท (ราว3-4เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี) จากเดิมที่เราคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 2-3 แสนล้านบาท(2-3เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี)"