นายกิตติวงศ์ บุญสมธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามเข้าควบคุมการระบาดของโรคท้องร่วงฉับพลันในสุกร หรือ พีอาร์อาร์เอส ซึ่งเป็นต้นเหตุของความสูญเสียแม่พันธุ์สุกรจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณลูกสุกรปรับตัวลดลงจากระบบ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20-30 ทำให้ราคาเนื้อหมูขายปลีกสูงขึ้น พร้อมยอมรับว่า สถานการณ์ราคาเนื้อหมูอาจแพงต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อตรึงราคาหมูหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 79-81 บาท ส่วนราคาขายปลีกเนื้อหมูแดง กิโลกรัมละ 150-160 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ก่อนจะเข้าหารือเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังเทศกาลสารทจีน พร้อมกับยกกรณีศึกษาจากจีน ที่มีการตั้งกองทุนบริหารราคาสุกรทั้งระบบ วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตแม่พันธุ์สุกร และชดเชยรายได้ให้กับผู้เลี้ยงสุกรที่ขึ้นทะเบียนกับทางการ ก่อนเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายประกันรายได้ผู้เลี้ยงสุกร พร้อมกับตั้งกองทุนบริหารราคาสุกร โดยดึงเม็ดเงินจากภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง ปีละไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูแพงอย่างยั่งยืน
นายสัตวแพทย์นิรันดร์ เอื้องตระกูลสุข รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ยอมรับว่า การควบคุมการระบาดของโรคนั้นทำได้ยาก เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย พยายามปกปิดข้อมูลการระบาด แต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบใกล้ชิด หากพบจะประกาศห้ามเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด จึงมั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อตรึงราคาหมูหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 79-81 บาท ส่วนราคาขายปลีกเนื้อหมูแดง กิโลกรัมละ 150-160 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ก่อนจะเข้าหารือเพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังเทศกาลสารทจีน พร้อมกับยกกรณีศึกษาจากจีน ที่มีการตั้งกองทุนบริหารราคาสุกรทั้งระบบ วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อผลิตแม่พันธุ์สุกร และชดเชยรายได้ให้กับผู้เลี้ยงสุกรที่ขึ้นทะเบียนกับทางการ ก่อนเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินนโยบายประกันรายได้ผู้เลี้ยงสุกร พร้อมกับตั้งกองทุนบริหารราคาสุกร โดยดึงเม็ดเงินจากภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง ปีละไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูแพงอย่างยั่งยืน
นายสัตวแพทย์นิรันดร์ เอื้องตระกูลสุข รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ยอมรับว่า การควบคุมการระบาดของโรคนั้นทำได้ยาก เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย พยายามปกปิดข้อมูลการระบาด แต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบใกล้ชิด หากพบจะประกาศห้ามเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด จึงมั่นใจว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน
