นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวก่อนเดินทางไปกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่าเตรียมตัวหารือกับคณะที่ปรึกษา และนักกฎหมาย เพื่อซักซ้อมกรณีอาจจะต้องปฏิเสธคำร้องขอของกัมพูชา หรือการให้การ หรือการโต้แย้งใดๆ ที่จะเกิดขึ้นบนเวทีศาลโลก ซึ่งเชื่อว่าคณะผู้พิพากษาศาลโลก ทั้ง 15 ชาติ จะรับไปพิจารณาด้วยหลักการแห่งเหตุผลและกฎหมาย ส่วนเอกสารเพิ่มเติมที่เตรียมไปในครั้งนี้ เป็นเอกสารเกี่ยวกับเหตุการณ์การปะทะกันบริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งยังคงยืนยันข้อเท็จจริงมาตลอดว่า ไทยถูกรุกรานก่อน เพราะกัมพูชาต้องการใช้เหตุปะทะครั้งนี้นำเสนอสหประชาชาติ เพื่อขอความเห็นใจจากคณะกรรมการมรดกโลก ในที่สุดส่งเรื่องเหตุปะทะนี้ไปที่ศาลโลก ไทยพยายามติดต่อรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา และอินโดนีเซียมาโดยตลอด เพื่อให้เกิดการเจรจาตามกรอบข้อตกลงปี 2543 และกรอบการเจรจาเจบีซี จีบีซี จนกระทั่งถึงวันนี้ที่รัฐบาลกัมพูชายังคงยืนกรานปฏิเสธจะเจรจากับไทยตามกรอบการเจรจาต่างๆ ที่มีอยู่ แต่จากคำแถลงของผู้นำกัมพูชา หลังประกาศผลการเลือกตั้ง ที่ระบุว่า จะเป็นมิตร และมีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลใหม่ นายกษิตเห็นว่า เป็นเรื่องดี แต่รัฐบาลไทยคงต้องดำเนินนโยบายระหว่างประเทศอย่างอดทน และไม่นำกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารมาเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ด้านอื่น เช่น การปิดชายแดน หรือการทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนต้องเดือดร้อน