พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบรถยนต์ที่ก่อเหตุชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมุงกุฎเกล้า ว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ก้านปัดน้ำฝน โดยด้านขวาที่มีการหักดีด พร้อมรอยกระเทาะไปกับตัวหมอมุก ระบุหมายเลข 6300 นั้น เป็นรถยี่ห้อนิสสัน ซันนี่ นีโอ แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำก้านปัดน้ำฝนอันอื่น ที่ไม่มีการระบุหมายเลขที่ชัดเจนมาสวมใส่แทน รวมถึงมีการพบมูลนกตกบริเวณใต้ฐานของที่ปัดน้ำฝน ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตกอยู่บริเวณดังกล่าว หากก้านปัดน้ำฝนไม่หัก
นอกจากนี้ ยังพบรอยกระเทาะที่บริเวณฝากระโปรงรถ ตรงกันกับรอยสีขาวนวลที่ติดอยู่กับก้านที่ปัดน้ำฝน ซึ่งติดตัวกับหมอมุกขณะเกิดเหตุ ได้พบพิรุธตรงกระจังหน้ารถมีการเปลี่ยนแปลงหาเชือกมามัดบริเวณที่น็อตหลุดออกไป ส่วนสติ๊กเกอร์ที่มารดาหมอมุก ได้ระบุว่า รถที่ก่อเหตุมีสติ๊กเกอร์ติดอยู่จำนวนมากนั้น เบื้องต้นรถที่นำมาให้ตรวจสอบ มีเพียงสติ๊กเกอร์ของกองบัญชาการกองทัพไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยของการเช็ดถูจากผ้า แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรอยสติ๊กเกอร์หรือไม่
ส่วนกรณี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อ้างว่า หมอมุกเป็นผู้กระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถนั้น จากการตรวจสอบบริเวณกระโปรงรถนั้น ไม่พบรอยบุบใดๆ ทั้งสิ้น แต่พบเพียงรอยกระเทาะจุดเล็กๆ ที่เกิดจากแรงกระชากด้วยความเร็วเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบรอยกระเทาะที่บริเวณฝากระโปรงรถ ตรงกันกับรอยสีขาวนวลที่ติดอยู่กับก้านที่ปัดน้ำฝน ซึ่งติดตัวกับหมอมุกขณะเกิดเหตุ ได้พบพิรุธตรงกระจังหน้ารถมีการเปลี่ยนแปลงหาเชือกมามัดบริเวณที่น็อตหลุดออกไป ส่วนสติ๊กเกอร์ที่มารดาหมอมุก ได้ระบุว่า รถที่ก่อเหตุมีสติ๊กเกอร์ติดอยู่จำนวนมากนั้น เบื้องต้นรถที่นำมาให้ตรวจสอบ มีเพียงสติ๊กเกอร์ของกองบัญชาการกองทัพไทย แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยของการเช็ดถูจากผ้า แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นรอยสติ๊กเกอร์หรือไม่
ส่วนกรณี พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น อ้างว่า หมอมุกเป็นผู้กระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถนั้น จากการตรวจสอบบริเวณกระโปรงรถนั้น ไม่พบรอยบุบใดๆ ทั้งสิ้น แต่พบเพียงรอยกระเทาะจุดเล็กๆ ที่เกิดจากแรงกระชากด้วยความเร็วเท่านั้น